Company Logo
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ www.nettathai.org สนใจสมัครสมาชิก ติดต่อ โทรศัพท์ 0 4421 2370 - 1 โทรสาร 0 4421 2372 E-mail : nettathai@hotmail.com





อัตราแลกเปลี่ยน



พยากรณ์อากาศ

"พาณิชย์" เพิ่งตื่น เร่งจัดประชุมถกปัญหาราคามันตกต่ำ ก่อนหยุดสงกรานต์ หลังใส่เกียร์ว่าง ทิ้งชาวไร่มันเผชิญวิกฤติราคา ด้าน "รังสี" แกนนำม็อบเมืองกาญจน์ ขู่นำคารวานรถมันวิ่งเข้ากระทรวงพาณิชย์ ฉุนปล่อยลอยแพเกษตรกร

ตลาดมันเส้นสะดุด! ชาวไร่ร่อนหนังสือถึง"สมคิด" มันราคาร่วง จีนชะลอซื้อไม่ส่งเรือมารับสินค้า

ตลาดมันเส้นสะดุดจีนไม่ส่งเรือมารับสินค้า เอกชนสต๊อกล้นฉุดราคามันเส้นดิ่งต่ำกว่า 5 บาท ชาวไร่โอดขายมัน 1 กก. ซื้อไข่ไก่ได้ไม่ถึง 1 ฟอง วอน "สมคิด" กำกับดูแลการส่งออกห้ามขายต่ำ-คุมเข้มมันสำปะหลังเพื่อนบ้าน

แหล่งข่าวจากวงการมันสำปะหลัง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้โรงงานมันเส้นมากกว่า 50% ของกำลังการผลิตประกาศหยุดดำเนินการรับซื้อ เพราะประสบปัญหาสต๊อกเต็ม เนื่องจากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์- มีนาคม 2560 มีผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดจำนวนมาก ทำให้สามารถผลิตมันเส้นเข้าสู่ระบบได้ถึง 1 ล้านตัน แต่ส่งออกได้เพียง 600,000 ตัน จากปกติควรจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 850,000 ตัน ทำให้ไม่สามารถซื้อมันสำปะหลังลอตใหม่เข้ามาได้

"เมื่อผู้ส่งออกไม่สามารถส่งออกได้ ก็เกิดปัญหาสต๊อกเต็ม สภาพคล่องหมด ไม่สามารถรับซื้อมันสำปะหลัง และท้ายสุดจะไปแข่งลดราคาส่งออก ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นราคาต่ำกว่าตันละ 160 เหรียญสหรัฐต่อตันแล้ว จากปีก่อนที่อยู่ 170-180 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นราคามันเส้น กก.ละ 4.80 บาท ต่ำที่สุดที่เคยเห็นมา และทอนเป็นราคาหัวมันสำปะหลัง เปอร์เซ็นต์แป้ง 25% อยู่ที่ กก.ละ 1.60 บาท บางจังหวัด เช่น กาฬสินธุ์ รับซื้อเพียง 1.20 บาทเท่านั้น"

สาเหตุที่การส่งออกชะลอตัวลง เพราะผู้นำเข้าจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของการส่งออกไม่ส่งเรือมารับสินค้า โดยให้เหตุผลว่าขณะนี้ในประเทศจีนมีการตรวจสอบมลภาวะจากโรงงานผลิตแอลกอฮอล์และเคมีภัณฑ์ จนส่งผลให้โรงงานหลายแห่งปิดตัวลง ประกอบกับค่าเฟดเรือปรับตัวสูงขึ้น 3-5 เหรียญสหรัฐต่อตันจากก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้ซื้อชะลอการรับมอบ

ขณะที่ปริมาณซัพพลายมันสำปะหลังออกสู่ตลาดอย่างมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมโดยไม่เพียงเฉพาะมันสำปะหลังไทยแต่ยังมีมันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งปีนี้ออกมากระจุกตัวในช่วงนี้เป็นอย่างมาก แต่คาดว่าปีนี้กัมพูชาจะเพิ่มพื้นที่ปลูก และมีผลผลิตหัวมันสำปะหลัง 9 ล้านตัน แต่อาจมีบางส่วนได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ โดยจะเหลือผลผลิตมันเส้น 5 ล้านตันส่งไปเวียดนาม 1 ล้านตัน และส่งมาไทย 4 ล้านตัน

แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ว่าตลาดจีนจะอ้างว่าความต้องการใช้มันเส้นลดลง แต่ราคาแอลกอฮอล์จีนปีนี้อยู่ที่ตันละ 4,500 หยวน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ตันละ 4,400 หยวน ส่วนราคาเคมีภัณฑ์อยู่ที่ตันละ 5,100 หยวนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 4,700 หยวน ซึ่งไม่น่าจะเป็นเหตุผลในการชะลอซื้อ

อย่างไรก็ตาม เอกชนเชื่อว่าภาวะการชะลอตัวของตลาดน่าจะเป็นช่วงสั้น เพราะหลังจากนี้ในช่วงไตรมาส 2 จะเริ่มฟื้น เพราะผลผลิตข้าวโพดของจีน ซึ่งเป็นคู่แข่งมันสำปะหลังไทย จะมีปริมาณลดลงตามนโยบายลดพื้นที่ปลูก ปริมาณสต๊อกที่ยกมาจากปี 2559/2560 เหลือ 20 ล้านตัน ซึ่งต่ำกว่าปี 2558/2559 ที่เคยมี 50 ล้านตัน ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้เพิ่มขึ้นจาก 180 เป็น 197 ล้านตัน จึงน่าจะทำให้ราคาข้าวโพดไม่ลดลงมากนัก จะเป็นโอกาสที่มันเส้นกลับไปแข่งขันได้

นายธีระชาติ เสยกระโทก ผู้ประสานงานสมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลัง กล่าวว่า ขณะนี้กำลังจะทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้ามาดูแลปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำลงเหลือ กก.ละ 1.60 บาท ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุน โดยขอให้รัฐบาลเพิ่มการกำกับดูแลการกำหนดราคาส่งออก ไม่ให้ไปขายราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนของเกษตรกร หากรายใดขายต่ำจะให้กรมสรรพากรเข้าไปดำเนินการมาตรการทางภาษี หรือระงับการส่งออกของผู้ส่งออกรายนั้น ๆ ไป หรือรัฐบาลจะมีนโยบายในการงดส่งออกสินค้ามันสำปะหลังในช่วงที่มันประเทศเพื่อนบ้านออกสู่ตลาดในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายนของทุกปี

"มันสำปะหลังเคยขึ้นชื่อว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศทำรายได้150,000 ล้านบาท รัฐบาลพยายามลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน แต่วันนี้ชาวไร่มันสำปะหลังคงเห็นแล้วว่าช่องว่างนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อพี่น้องเกษตรกรปลูกมันสำปะหลังมาทั้งปี พอขุดมันสำปะหลังออกมาขาย ราคามันสำปะหลัง 1 กิโลกรัมยังไม่พอซื้อไข่ไก่ 1 ฟองเลย แล้วชาวไร่จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร เทียบกับผู้ประกอบการทั้งลานมันและโรงงานแป้งมัน ซึ่งเป็นผู้รับซื้อหัวมันไปแปรรูปจำหน่าย ส่วนมากจะมีกำไร ยิ่งโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง สามารถทำกำไรจากการแปรรูปอย่างต่ำ กก.ละ 1 บาท หรือตันละ 1,000 บาท ที่ผ่านมาชาวไร่พัฒนาและปรับวิธีคิด เช่น ถ้ามีที่ดิน 30 ไร่ แบ่งมันสำปะหลังที่ได้มาแปรรูป 10 ไร่ ส่วนอีก 20 ไร่ ขุดหัวมันสดขายไป ทำให้หัวมันสดออกสู่ตลาดน้อยที่สุด รัฐบาลควรมีมาตรการเข้มข้น และเอาจริงเอาจังมากกว่าทุกวันนี้"

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 06 เม.ย 2560






Powered by Allweb Technology.