Company Logo





พยากรณ์อากาศ

งานเข้า ! มัน-ยาง-อ้อย เลียนแบบข้าว ขอรบ.จ่ายเงินช่วย อ้างสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศเหมือนกัน

จากกรณีที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือชาวนาที่ปลูกข้าว โดยมีนโยบายไม่เข้าไปแทรกเเซงกลไกตลาดเช่นการประกันราคาข้าวหรือการรับจำนำ แต่เลือกวิธีการให้การช่วยเหลือทางตรงโดยการจ่ายเงินให้เกษตรไร่ละ 1,000 บาท หรือไม่เกิน 15 ไร่ จำนวนเงิน 15,000 บาท ผ่านทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้กลายเป็นบรรทัดฐานให้พืชผลทางการเกษตรชนิดอื่น ๆ ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อขอรับเงินชดเชยแบบข้าวบ้าง

โดยล่าสุด สมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ก็เตรียมเข้าพบกับพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ เพื่อขอให้รัฐบาลแก้ไขปัฐหาชาวไร่มันอย่างเร่งด่วน ให้รัฐบาลสนับสนุนการลดต้นทุนการเพาะปลูกของเกษตรกร ไร่ละ 1,800 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ เนื่องจาก ชาวไร่มันในปัจจุบัน ต้องประสบภาวะต้นทุนการปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ตันละ 6,124 บาท เป็นตันละ 6,337 บาท ทั้งค่าปุ๋ย ค่าแรง ค่าบำรุงรักษา สารเคมี ทำให้ราคาขายหัวมันสำปะหลังที่ได้กลับลดลงจากปีก่อนที่ขายได้ กิโลกรัมละ 2.45 บาทเหลือ 2.35 บาท กำไร ลดลงจากกิโลกรัมละ 0.23 บาทเหลือ กิโลกรัมละ 0.11 บาท

ทั้งนี้ทางสมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลัง ย้ำว่า ในแต่ละปีมันสำปะหลังสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกปีละ 60,000-70,000 ล้านบาท ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไม่ต่างจากข้าว

เช่นเดียวกับชาวไร่อ้อย ที่มีรายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมว่าชาวไร่อ้อยมีความเคลื่อนไหวเรียกร้องขอเงินช่วยเหลือราคาอ้อยจากรัฐบาลด้วยการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ปล่อยกู้ผ่านกองทุนอ้อย จากราคาอ้อย 900 บาทต่อตันให้เพิ่มอีกตันละ 160 บาท วงเงินประมาณ 16,000 ล้านบาท

สุดท้ายคือกลุ่ม ชาวสวนยาง นำโดยสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้ยื่นข้อเรียกร้องผ่านนายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือปัจจัยการผลิตยางไร่ละ 2,520 บาท หรือรายละไม่เกิน 25 ไร่ รวมเป็นเงิน 63,000 บาท เนื่องจากราคายางต่ำกว่าต้นทุนการผลิต

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

ก.พาณิชย์ชง นบข.ระบายมันสำปะหลัง-ข้าวโพด ค้างสต๊อก

หล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารข้าว (นบข.) วันที่ 6 ตุลาคม ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ประเด็นหลักที่กระทรวงพาณิชย์ เตรียมขอมติ คือการยกเลิกมาตรการห้ามขนย้ายข้าวสารและสินค้าเกษตรที่ใช้ในช่วงโครงการรับจำนำ เพราะลดปัญหาการค้าปกติให้คล่องตัวขึ้น และเร่งรัดองค์การคลังสินค้า (อคส.) คืนเงินค้ำประกันข้าวคงค้างให้กับผู้ประกอบการ และขออนุมัติระบายมันสำปะหลังและข้าวโพด ค้างสต๊อก เพื่อลดภาระค่าจัดเก็บและสินค้าเสื่อมสภาพหมดแล้ว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 5 ตุลาคม 2557

รมว.พาณิชย์ถก4 เจ้าสัวร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล

 

 

วันนี้ (2ต.ค.) เมื่อเวลา15.00น. พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือผู้ประกอบการ 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด(คุณธนินท์ เจียรวนนท์), บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) (คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี) , บริษัท กลุ่มเครือสหพัฒน์ จำกัด (คุณศิรินา ปวโรฬารวิทยา) , บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด (คุณทศ จิราธิวัฒน์) ณ ห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมกันนี้มีผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ร่วมหารือด้วย ประกอบด้วย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ พล.อ.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ เลขานุการ รมว.พาณิชย์ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร รักษาการอธิบดีกรมการค้าภายในทั้งนี้การเข้าพบและหารือกันในครั้งนี้เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูล ทั้งเรื่องมาตรการราคาสินค้า การผลิต โอกาสในการส่งออก และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
เพื่อกำหนดนโยบายเชิงรุกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก่อนหน้านี้ รมว.พาณิชย์เคยมอบนโยบายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ในการทำงานโดยขอให้ปรับวิธีการทำงานแบบสั่งการเป็นผู้ให้การสนับสนุนภาคเอกชนและประสานการทำงานกันมากขึ้น โดยจะต้องทำงานประสานตั้งแต่ระดับกระทรวงต่อกระทรวง หน่วยงานรัฐบาลด้วยกันเอง และราชการกับภาคเอกชน ซึ่งในการทำงานจะมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมในการกำหนดทิศทางการทำงานร่วมกันมากขึ้น รวมทั้งมีการหารือร่วมกับภาคเอกชนให้ได้เป็นประจำทุกเดือน

ภาพ:พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือผู้ประกอบการ 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด(คุณธนินท์ เจียรวนนท์), บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) (คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี) , บริษัท กลุ่มเครือสหพัฒน์ จำกัด (คุณศิรินา ปวโรฬารวิทยา) , บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด (คุณทศ จิราธิวัฒน์) ณ ห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2557

ที่มา : ข่าวฐานเศรษฐกิจ วันที่ 2 ตุลาคม 2557

ปีติพงศ์ เร่งแผนปรับพื้นที่เพาะปลูก วางโมเดลเกษตรอยู่อย่างยั่งยืน

ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา
 
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหดรณ์ กล่าวว่าความคืบหน้าการปรับโครงสร้างการเกษตร ที่จะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่การเพาะปลูกหรือโซนนิ่งนั้น ล่าสุดตนได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร ไปจัดทำยุทธศาสตร์การปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าเกษตร ให้มีความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยแผนจะต้องให้เสร็จสิ้นให้เร็วที่สุด เพื่อนำมาใช้ในการวางกรอบการการเพาะปลูกพืชเกษตรในฤดูกาลที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะข้าวและยางพารา รวมทั้งพืชเศรษฐกิจอีก 4 ชนิดด้วย เช่นอ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง และปาล์ม โดยตนมีแนวคิดว่า 1.ในเกษตรกรกลุ่มแรกอยากปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่นพื้นที่ที่ปลูกทำข้าว ยาง อยากเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น ทางกรมจะเข้าไปสนับสนุนและแนะนำพืชและเทคโนโลยีที่เหาะสมให้กับเกษตรกร 2.หากเกษตรกรมีความต้องการผลิตสินค้าเกษตรตัวเดิมและในพื้นที่เหมาะสมอยู่แล้ว ทางกรมจะให้องค์ความรู้และมีการเข้าพัฒนาการเพาะปลูกเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น และมีการตรวจสอบรับรองมาตราฐานสินค้าปรับคุณภาพสินค้าหรือปรับเปลียนเกษตรอินทรีย์ หรือเกษตรกรรมปาณีต 3แนะนำปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกในแนวเศรษฐกิจพอเพียงแทนปลูกพืชเชิงเดี่ยวตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
 
รมว.เกษตรฯกล่าวว่าทั้งหมดจะมีมาตราการจูงใจให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนอาชีพให้มีความยั่งยืนมากกว่าที่เป็นอยู่ และลดต้นทุนการผลิตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งไม่สามารถใช้กฎหมายบังคับเกษตรกรได้ ขึ้นอยู่กับสมัครใจและการชวนเชิญ ซึ่งต้องหามาตราการชักจูงทางการเงินให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนอาชีพด้วย ที่เกษตรกรไม่ต้องกู้เงินมาลงทุนในการผลิตแบบเดิมเพราะเป็นความเสี่ยง แต่เกษตรกรบางคนที่อาจต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนเพราะเคยชินทำอย่างเดิม
 
"ตอนนี้เราเริ่มสร้างโอกาสให้กับเกษตรกร กระทรวงเกษตรฯยังมีเวลาหารือกับกระทรวงพาณิชย์ โดยกระทรวงเกษตรฯเป็นเจ้าภาพร่างยุทธศาตร์นี้ ต้องมีมาตรการชักจูงเกษตรกร ผสมผสานหลายๆอย่างกับเทคโนโลยีใหม่ๆเข้าไปช่วยส่งเสริมพร้อม กับสนับสนุนการเงิน และมีการควบคุมการผลิตที่ตรงกับความต้องการตลาด จะลดปัญหาสต็อกสินค้าเกษตรลงไปได้ คาดว่าใช้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์จะตกผลึก ก่อนเสนอยุทธศาสตร์เข้าครม."นายปีติพงศ์ กล่าวว่า
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า 30 กันยายน 2557

สศข.6 แจง คณะทำงานพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านพืชตะวันออก ให้การรับรองข้อมูล 8 สินค้า

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 6 แจงผลการประชุมคณะทำงานพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านพืชภาคตะวันออก เผย ที่ประชุมให้การรับรองข้อมูล 8 สินค้า ได้แก่ ข้าวนาปรัง มันสำปะหลังโรงงาน เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย และ ลิ้นจี่ ปี 2557

นายพลเชษฐ์ ตราโช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 6 ชลบุรี (สศข.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะทำงานพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านพืชภาคตะวันออก ครั้งที่ 3/2557 เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม สศข.6 ซึ่งในปีงบประมาณ 2557 คณะทำงานฯ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบรับรองข้อมูลเอกภาพระดับอำเภอ/จังหวัดให้กับคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านการเกษตร ด้านพืช ไปแล้ว 2 ครั้ง จำนวน 6 สินค้า คือสับปะรดโรงงาน มันสำปะหลังโรงงงาน ปาล์มน้ำมัน ยางพาราปี 2556 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าวนาปี ปีเพาะปลูก 2556/57

สำหรับในครั้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อให้การรับรองข้อมูลข้าวนาปรัง มันสำปะหลังโรงงาน เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย และลิ้นจี่ ปี 2557 ของภาคตะวันออกรวม 8 สินค้า ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ให้ความเห็นชอบข้อมูลดังกล่าวแล้ว ได้แก่

ข้าวนาปรังปี 2557 มีเนื้อที่เพาะปลูก 1,045,740ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 1,030,467 ไร่ ผลผลิตรวม 700,395 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 680 กิโลกรัม (ณ ความชื้น 15 %) เมื่อเทียบกับปี 2556 เนื้อที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.47

มันสำปะหลังโรงงานปี 2557 มีจำนวนเนื้อที่เพาะปลูก 1,475,738 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 1,339,336ไร่ ผลผลิตรวม 4,877,258 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 3,642 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2556 เนื้อที่เพาะปลูก เนื้อที่เก็บเกี่ยว ผลผลิตต่อไร่ และผลผลิตรวมลดลงทั้งหมดร้อยละ 1.59 6.29 1.24 และ 7.49 ตามลำดับ

เงาะปี 2557 มีจำนวนเนื้อที่ยืนต้น 145,512 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 138,757 ไร่ ผลผลิตรวม 230,646 ตัน ผลผลิต ต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 1,662 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2556 เนื้อที่ยืนต้นและเนื้อที่ให้ผลลดลงร้อยละ 5.85 และ 6.66 เนื่องจากราคาเงาะไม่จูงใจให้ขยายพื้นที่ ส่วนผลผลิตต่อไร่ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.77 ส่งผลให้ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.62

ทุเรียนปี 2557 มีจำนวนเนื้อที่ยืนต้น 285,708 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 246,524 ไร่ ผลผลิตรวม 350,645 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 1,422 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2556 เนื้อที่ยืนต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.13 เนื้อที่ให้ผลลดลงร้อยละ 1.12 เนื่องจากราคาทุเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีติดต่อกันมาถึง 3 ปี ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.97 ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.83

มังคุดปี 2557 มีจำนวนเนื้อที่ยืนต้น 206,902 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 186,049 ไร่ ผลผลิตรวม 145,945 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 784 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2556 เนื้อที่ยืนต้นลดลงร้อยละ 1.42 เนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.78 ผลผลิตต่อไร่ลดลงร้อยละ 7.22 เนื่องจากปลายปี 2556 อากาศหนาวนานมังคุดจึงไม่ติดดอก ผลผลิตรวมลดลงร้อยละ 5.51

ลองกองปี 2557 มีจำนวนเนื้อที่ยืนต้น 108,125 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 98,232 ไร่ ผลผลิตรวม 57,033 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 581 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2556 เนื้อที่ยืนต้น เนื้อที่ให้ผล ผลผลิตต่อไร่ และผลผลิตรวมลดลงทั้งหมดร้อยละ 5.38 2.95 8.65 และ 11.16 ตามลำดับ เนื่องจากราคาลองกองตกต่ำมาหลายปี

ลำไยปี 2557 มีจำนวนเนื้อที่ยืนต้น 161,264 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 142,699 ไร่ ผลผลิตรวม 271,793 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 1,905 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2556 เนื้อที่ยืนต้น เนื้อที่ให้ผล และผลผลิตรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.11 13.93 และ 12.48 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ลดลงร้อยละ 1.24 เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก

ลิ้นจี่ปี 2557 มีจำนวนเนื้อที่ยืนต้น 3,815 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 3,774 ไร่ ผลผลิตรวม 3,244 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 860 กิโลกรัม สำหรับลิ้นจี่ ปี 2557 ได้จัดทำข้อมูลร่วมกันเป็นปีแรกโดยมีเนื้อที่ยืนต้น 3,815 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 3,774 ไร่ ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่ให้ผล 860 กิโลกรัม มีผลผลิตรวมจำนวน 3,244 ตัน

ทั้งนี้ ข้อมูลที่ผ่านความเห็นชอบของคณะทำงานฯ ในครั้งนี้จะได้นำเสนอต่อคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านการเกษตร ด้านพืช เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อมูลก่อนนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านการเกษตร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นข้อมูลเอกภาพของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเผยแพร่และใช้ประโยชน์ต่อไป

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร วันที่ 29 กันยายน 2557






Powered by Allweb Technology.