
รับลูกคสช.ดันนโยบายบริหารพื้นที่เกษตร.
สิริวุทธิ์ เสียมภักดี
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี ประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า สมาคมฯ สนับสนุนนโยบายของ คสช. ผลักดันนโยบายบริหารพื้นที่เกษตรกรรมของพืช (Zoning) โดยเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่อยู่ในพื้นที่ไม่เหมาะสมไปสู่การปลูกอ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมันและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ราคาสินค้าและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่เกษตรกร ซึ่งการดำเนินนโยบายดังกล่าวให้ประสบความสำเร็จนั้น ทางภาครัฐต้องให้ความสำคัญการเลือกพื้นที่เพาะปลูกพืชแต่ละชนิดที่เหมาะสม การส่งเสริมปลูกพืชเกษตรที่ต้องคำนึงถึงการนำผลผลิตที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่พืชผลทางเกษตรสูงสุด
ทั้งนี้ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย มองว่าอ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่เหมาะต่อการส่งเสริมให้ชาวนาหันมาปรับเปลี่ยนไร่นาเป็นไร่อ้อย เนื่องจากอ้อยสามารถนำใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องได้
ที่มา : ข่าวบ้านเมือง วันที่ 8 กันยายน 2557
วางยุทธศาสตร์โซนนิ่ง4พืช ศก. ตั้งเป้า27ล.ไร่ลุยปลูก ‘ข้าวโพด-มัน-อ้อย-ปาล์ม
เลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์
นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่ารอบปีที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศพื้นที่เหมาะสม (โซนนิ่ง) สำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ 20 ชนิด ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินงานไปบางส่วนแล้ว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่บริหารจัดการผลผลิตในรายจังหวัด ดูความสมดุลของผลผลิตสินค้าการเกษตรและการตลาด ควบคู่ไปพร้อมกับเกษตรจังหวัดที่ทำหน้าที่ในการสำรวจพื้นที่ความเหมาะสมกับการทำโซนนิ่ง ซึ่งพื้นที่ใดที่เหมาะสมกับพืชหรือสัตว์ชนิดนั้นๆ ก็จะดำเนินการส่งเสริมทั้งในเรื่ององค์ความรู้ แหล่งเงินทุน เพื่อให้ผลผลิตออกมาดีมากยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่ใดไม่เหมาะสม ก็จะดำเนินการปรับเปลี่ยน ด้วยการส่งเสริมให้มีการทำการเกษตรที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ ที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และปัจจัยด้านการตลาด
ขณะเดียวกัน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นว่า การทำโซนนิ่งจะต้องไม่กระทบกับพืชหลักที่ปลูกอยู่ จึงมีการตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรรายพืชเศรษฐกิจจำนวน 4 ชนิด คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย เพื่อปรับการดำเนินการจัดทำโซนนิ่งพืชให้เหมาะสมกับพืชเศรษฐกิจทั้ง 4 ชนิด เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อควบคุมปริมาณการผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาด รักษาราคาที่ดีให้กับเกษตรกร
โดยพื้นที่ที่จะดำเนินการจัดโซนนิ่งในเบื้องต้นเป็นพื้นที่ 27 ล้านไร่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว ด้วยการส่งเสริมให้ปลูกพืชทั้ง 4 ชนิด เข้ามาแทนที่ โดยสัดส่วนของพืชแต่ละชนิดในขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่แน่นอน โดยพืชลำดับแรกที่มีการดำเนินการ
ส่งเสริมการปลูกไปแล้ว คือ อ้อย เป็นพื้นที่จำนวน 400,000 ไร่ จากผลการดำเนินงานในระยะแรกถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของคสช.ที่ไม่สนับสนุนให้มีการรับจำนำข้าว จึงทำให้การดำเนินงานการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้หันมา ปลูกอ้อยเป็นไปได้ด้วยดี
“ทั้งนี้ การมุ่งเป้าโซนนิ่งพืชเศรษฐกิจดังที่กล่าวมา เนื่องจากพืชทั้ง 4 ชนิด เป็นพืชที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้น หากปลูกในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับแหล่งรับซื้อวัตถุดิบ จะทำให้การทำเกษตรของเกษตรกรมีต้นทุนที่ต่ำลง แต่ได้ผลกำไรมากขึ้น” นายเลอศักดิ์ กล่าว
ที่มา : ข่าวแนวหน้า วันจันทร์ที่ 8 กันยายน 2557
กระทรวงพาณิชย์ มั่นใจส่งออกมันสำปะหลังปีนี้จะมากถึง 10 ล้านตัน
ปานจิตต์ พิศวง
หลังตลาดสินค้ายังมีความต้องการสูง คาดว่าราคาจำหน่ายในอนาคตมีแนวโน้มปรับตัวเกิน 2 บาทต่อกิโลกรัม
นางสาวปานจิตต์ พิศวง รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดระเบียบการบริหารการนำเข้า-ส่งออกมันสำปะหลังในการดูแลคุณภาพมาตรฐานของมันเส้น และแป้งมันที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภททั้งการผลิตอาหารสัตว์ และการผลิตเป็นพลังงานทดแทน หรือ เอทานอล นอกจากนี้ได้ร่วมกับผู้ประกอบการยกระดับคุณภาพมันสำปะหลัง ในโครงการมันเส้นสะอาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมในตลาดส่งออก โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการใส่ใจในเรื่องของเชื้อแป้ง การลดสิ่งเจือปน เพื่อให้สามารถป้อนวัตถุดิบคุณภาพเข้าสู่อุตสาหกรรม เพิ่มโอกาสเชิงการตลาด รวมทั้งทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจว่ามีตลาดรองรับ โดยปัจจุบันไทยมีสัดส่วนการใช้มันสำปะหลังในประเทศร้อยละ 35 และเพื่อการส่งออกร้อยละ 65 สำหรับการส่งออก ไทยส่งออกมันเส้นไปยังจีนสัดส่วนร้อยละ 90 รองลงมาเป็นญี่ปุ่น และเกาหลี ทำให้การส่งออกมันสำปะหลัง 7 เดือนแรกไทยสามารถส่งออกได้ในปริมาณ 6 ล้าน 4 แสน 5 หมื่นตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 คิดเป็นมูลค่า 64,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะสามารถส่งออกมันสำปะหลังได้ในปริมาณ 10 ล้านตัน มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ส่งออกได้ 9 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 98,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจ เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการมันสำปะหลังสูง
นอกจากนี้จากการสำรวจที่ผ่านมาไทยสามารถผลิตหัวมันสดได้เฉลี่ย 29-30 ล้านตันหัวมันสด ซึ่งคาดว่าปีนี้จะสามารถผลิตได้ที่ 31 ล้านตันหัวมันสด ขณะที่ความต้องการในตลาดต่อปีอยู่ที่ 40 ล้านตันหัวมันสด ส่วนแนวโน้มราคามันสำปะหลังในอนาคต เชื่อว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 2 บาท 50 สตางค์ - 3 บาทต่อกิโลกรัม
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ 7 กันยายน 2557
ก.เกษตรฯเตรียมเสนอ4แผนด่วนต่อรมว.คนใหม่
วลิต ชูขจร
ปลัดเกษตรฯ เตรียมเสนอแผนงาน 4 ด้านหลัก ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงและสหกรณ์คนใหม่ หวังเร่งขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร ตามมติ คสช. และพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศภายใต้งบปี’58
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ เตรียมเสนอแผนงานโครงการสำคัญเร่งด่วนที่กระทรวงเกษตรฯ ได้ขับเคลื่อนตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผลการดำเนินงานตามภารกิจที่สำคัญประจำปี 2557 และการขยายผลต่อเนื่องตามแผนงานโครงการสำคัญในปีงบประมาณ 2558 ต่อนายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คนใหม่ พิจารณาผลักดันแผนงานโครงการต่างๆ ทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว รวมถึงรับทราบสภาพปัญหาด้านการเกษตรที่สำคัญ ทั้งในด้านเกษตรกรขาดองค์ความรู้ในการทำการเกษตรและใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ไม่เหมาะสม ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ภัยธรรมชาติ และความผันผวนด้านราคา อันจะนำไปสู่นโยบายในการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรที่สำคัญ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันการส่งออกสินค้าเกษตรของประเทศ
“ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานต่างๆ ให้สอดคล้องกับนโยบาย คสช. และเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคเกษตร แบ่งเป็น 4 ด้านสำคัญ คือ.ด้านเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ด้านสินค้าเกษตร ด้านทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร และด้านการบริหารจัดการองค์กร โดยแผนงานโครงการสำคัญๆ ในแต่ละด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร โดยปรับกระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต ผ่านศูนย์เรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรตามหลักโซนนิ่ง อำเภอละ 1 จุด รวม 882 จุดทั่วประเทศ การแก้ไขปัญหาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ทั้งในด้านคดีความ การฟื้นฟูกิจการ และการเยียวยา การแก้ไขปัญหาแรงงานประมง ที่กระทรวงเกษตรฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนแม่บทประมงใน 9 แนวทางหลัก เช่น การเร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานประมงต่างด้าว การตรวจตราเรือประมงพาณิชย์ 2. ด้านสินค้าเกษตร จัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ 4 สินค้า (Roadmap) ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย การพัฒนายางพาราทั้งระบบ ทั้งการจัดการสต็อกยาง 2.1 แสนตัน มาตรการสนับสนุนสินเชื่อให้สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง และแปรรูปยาง การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยาง การแก้ไขปัญหาโรคอีเอ็มเอสในสินค้ากุ้ง 3. ด้านทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด การวางแผนเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง รวมถึงบริหารจัดการน้ำทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นระบบกระจายน้ำ ระบบป้องกันน้ำท่วม เพิ่มเสถียรภาพน้ำต้นทุน รวมถึงกำหนดมาตรการส่งเสริมและขยายผลการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ โดยตั้งธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ การจัดทำปุ๋ยอินทรีย์กับหน่วยทหาร และส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เอง 4. การบริหารจัดการองค์กร โดยยึดหลักธรรมาภิบาล สุจริตและโปร่งใส อาทิ การแต่งตั้งโยกย้ายแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงจะยึดหลักความรู้ ความสามารถ คุณธรรมและโปร่งใส การจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ ของภาครัฐ และส่งเสริมการเป็นข้าราชการที่ดี เป็นต้น” นายชวลิต กล่าว
สำหรับแผนงานโครงการในปีงบประมาณ 2558 กระทรวงเกษตรฯ ได้รับจัดสรรในวงเงินประมาณ 84,000 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญกับการทำงานเชิงบูรณาการ มีการกำหนดแผนงานและเป้าหมายร่วมกันโดยใช้สินค้าและพื้นที่เป้าหมายในการบูรณาการ ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร 2. ด้านการพัฒนาสินค้าเกษตร 3. ด้านทรัพยากรการเกษตร/โครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร และ 4. ด้านการบริหารจัดการภาครัฐ โดยมีโครงการสำคัญ เช่น การบริหารเขตเกษตรเศรษฐกิจ การพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง เมืองเกษตรสีเขียว การพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน การบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ และการพัฒนาศักยภาพภาคเกษตรเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เป็นต้น
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557
สศก.ย้ำตลาดส่งออกมันสดใส แนะเกษตรกรขยายพื้นที่ปลูก
สุรศักดิ์ พันธ์นพ
สศก. ชี้ประเทศไทยยังส่งออกมันสำปะหลังติดอันดับรายใหญ่ของโลก พร้อมเล็งทิศทางตลาดยังไปได้สวย เกษตรกรสามารถขยายการเพาะปลูกได้
นายสุรศักดิ์ พันธ์นพ รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะทำงานพัฒนาสารสนเทศการเกษตรระดับประเทศ ว่า ที่ประชุมได้สรุปสถานการณ์การผลิตและการตลาดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรที่สำคัญหลายชนิด ซึ่งในส่วนของมันสำปะหลังที่ไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก มีส่วนแบ่งการตลาดในการค้าโลกถึงร้อยละ 68 และประเทศคู่ค้าที่สำคัญอันดับหนึ่ง คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยในปี 2557 ระหว่างเดือนมกราคม ถึง มิถุนายนนั้นไทยมีการส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปจีน ไต้หวัน และมาเลเซีย มีปริมาณ 0.65, 0.15 และ 0.11 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 8,809 กับ 2,068 และ 1,524 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังส่งออกมันเส้นไปจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ถึง 3.6 ล้านตัน มีมูลค่า 25,696 ล้านบาท โดยแนวโน้มในการส่งออกไปยังประเทศจีนนั้นยังดีอยู่
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนมองว่า ความต้องการใช้ทั้งภายในและต่างประเทศยังมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อผลิตอาหารสัตว์และใช้เป็นพลังงานทดแทน ดังนั้น ภาครัฐจึงควรเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตให้มากขึ้น รวมทั้งหามาตรการจูงใจให้เกษตรกรปลูกในพื้นที่เขตเหมาะสมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการผลิตที่ดี ต้นทุนต่ำ และมีผลตอบแทนสูง
ที่มา : แนวหน้า 2 กันยายน 2557