Company Logo
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ www.nettathai.org สนใจสมัครสมาชิก ติดต่อ โทรศัพท์ 0 4421 2370 - 1 โทรสาร 0 4421 2372 E-mail : nettathai@hotmail.com





อัตราแลกเปลี่ยน



พยากรณ์อากาศ

บุรีรัมย์ร้องรัฐขยายเวลาจำนำมันหลังยังมีมันตกค้างกว่า 2 หมื่นไร่



          เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังหลายอำเภอ ที่ จ.บุรีรัมย์ เรียกร้องให้รัฐบาลขยายระเวลารับจำนำมันสำปะหลังเพิ่มไปจนถึงกลางเดือนหน้า หลังสิ้นสุดโครงการวันนี้ 30 พ.ค. ยังมีเกษตรกรมาเข้าคิวรอจำนำต่อเนื่อง และมีมันตกค้างที่ยังไม่เก็บกู้อีกกว่า 2 หมื่นไร่

           ( 30 พ.ค.55 ) เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังหลายอำเภอ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ มี อำเภอหนองกี่ โนนสุวรรณ ปะคำ ประโคนชัย ที่นำหัวมันสดมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ที่ลานมันอีสานการเกษตร อ.หนองกี่ ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลขยายระยะเวลา การรับจำนำมันของเกษตรกรออกไปอีกจนถึงกลางเดือนหน้า หรืออีก 15 วัน หลังจะสิ้นสุดโครงการฯ ในวันนี้ 30 พฤษภาคม ยังมีเกษตรนำรถบรรทุกหัวมันสดมาเข้าคิวรอเข้าร่วมโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยังมีมันของเกษตรกรหลายอำเภอที่ตกค้างยังไม่ได้เก็บกู้ เพื่อมาเข้าร่วมโครงการฯ อีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่า 2 หมื่นไร่ จากพื้นที่เพาะปลูกทั้งจังหวัดกว่า 303,000 ไร่ เนื่องจากปีนี้มีการเปิดโครงการรับจำนำล่าช้ากว่าทุกปีเกือบ 3 เดือน ทำให้เกษตรกรเก็บกู้ผลผลิตไม่ทัน จากทุกปีจะกำหนดเปิดโครงการฯในเดือนพฤศจิกายน อีกทั้งช่วงนี้มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ลานมันประสบปัญหาไม่มีสถานที่ตากเกรงผลผลิตเน่าเสีย จึงมีการจำกัดปริมาณการรับจำมันของเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรบอกว่า หากรัฐบาลไม่ขยายระยะเวลาการรับจำนำมันออกไป จะทำให้เกษตรกรเสียโอกาสที่จะนำผลผลิตมาเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งเกรงว่าหากนำผลผลิตที่เหลือไปขายให้ผู้ประกอบการจะได้ราคาต่ำเพียง กก.ละ 1.60 – 1.70 น. ซึ่งแตกต่างจากราคาจำนำในโครงการฯ ที่มีราคากิโลกรัมละ 2.80 บาท ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างแน่นอน

       นายเจษฐา ตะกุดเพชร ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง กล่าวว่า ปีนี้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ประสบปัญหาเดือดร้อน เนื่องจากรัฐได้เปิดโครงการรับจำนำล่าช้า และมีจุดรับจำนำน้อยเพียง 4 จุดเท่านั้น จึงเรียกร้องได้ขยายระยะเวลารับจำนำออกไปจนถึงกลางเดือนหน้า เพื่อเกษตรกรจะได้นำมันสำปะหลังที่ตกค้างมาเข้าร่วมโครงการ หากไม่เช่นนั้นเกษตรกรนำผลผลิตไปจำหน่ายในท้องตลาดจะได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 1 บาทแปดสิบสตางค์เท่านั้น หากนำเข้าร่วมโครงการจำนำ จะได้ราคาสูงถึง 2 บาทแปดสิบสตางค์ จึงขอให้รัฐบาลได้พิจารณาขยายระยะเวลาตามที่เกษตรกรร้องขอดังกล่าวด้วย

 

ข้อมูลข่าว : http://77.nationchannel.com/30 พ.ค.55

 

อคส.สรุปผลรับจำนำมันฯ อัดงบไปกว่า 2.1 หมื่นล้าน รับโครงการมีปัญหาเพียบ

วันจันทร์ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555




นายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เปิดเผยถึง โครงการรับจำนำมันสำปะหลังของรัฐบาลซึ่งใกล้จะสิ้นสุดโครงการรับจำนำในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ ว่า ล่าสุด รัฐบาลได้รับจำนำหัวมันสด จาก 35 จังหวัด จากวันที่ 1 ก.พ.-21 พ.ค. รวม จำนวน 7.774 ล้านตัน โดยมี ลานมันสำปะหลัง เข้าร่วมโครงการ จำนวน 498 ลานมัน และโรงงานแป้งมันสำปะหลัง จำนวน 50 แห่ง ซึ่งขณะนี้ใช้งบประมาณไปแล้ว ประมาณ 21,000 ล้านบาท (โดยคำนวณจากราคา เฉลี่ยที่ 2,800 บาทต่อตัน) คาดว่าเมื่อสิ้นสุดโครงการจะมีหัวมันสดเข้าโครงการได้ประมาณ 8 ล้านตัน น่าจะต่ำกว่าประมาณการเดิมที่รัฐกำหนดเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านตัน

โดยในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ทางอคส.จะลงไปดูพื้นที่ ที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังร้องเรียนเข้ามาว่า ยังมีหัวมันสำปะหลังที่จะเข้าโครงการอีก 1 แสนตัน แต่มีจุดรับจำนำไม่เพียงพอ เพราะมีเพียง 10 จุด และขอให้เปิดจุดรับจำนำเพิ่มเติมซึ่งอคส.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากจะเปิดจุดจำนำเพิ่มจะต้องเร่งดำเนินการให้ทันก่อนปิดโครงการภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้

สำหรับโครงการรับจำนำที่ผ่านมาราคามีปัญหามาจากโครงการรับจำนำเริ่มต้นช้า ทำให้ลานมันมีการซื้อหัวมันเข้ามาเก็บเพื่อทำมันเส้นก่อนแล้ว ไม่มีพื้นที่พอในการเข้าร่วมโครงการรับจำนำ ซึ่งส่งผลให้รับซื้อหัวมันจากเกษตรกรได้น้อย

นอกจากนี้ สภาพอากาศที่เริ่มมีฝนตกทำให้หัวมันสำปะหลังมีเชื้อแป้งน้อยลง เพราะเชื้อแป้งถูกนำมาเลี้ยงต้นแทน และปัญหาต่อมาคือเกษตรกรที่ปลูกมันฯ มีปัญหาพื้นที่เพาะปลูกไม่มีเอกสารสิทธิ ทำให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกร และเข้าร่วมโครงการรับจำนำได้ และเกษตรกรยังมีข้อจำกัดในการนำหัวมันมารับจำนำได้เพียงรายละไม่เกิน 250 ตัน ทำให้หัวมันส่วนที่เหลือต้องนำมาขายในตลาดแทน จึงส่งผลให้ราคาหัวมันในช่วงแรกๆ ของโครงการรับจำนราคาตกต่ำ แต่ขณะนี้ราคาเริ่มขยับเพิ่มขึ้นแล้วโดยราคาหัวมันสด เชื้อแป้ง 25% ราคาอยู่ที่กก.29 บาท

สำหรับมันสำปะหลังที่รับจำนำมาจะเก็บในรูปของมันเส้นประมาณ 2.1 ล้านตัน และแป้งมันสำปะหลัง จำนวน 580,000 ตัน ซึ่งมันเส้นส่วนหนึ่ง จำนวน 65,000 ตัน จะขายให้ทางบริษัทปตท.(มหาชน) จำกัด เพื่อผลิตเป็นเอทานอล ส่วนที่เหลือคาดว่า รัฐบาลโดยกรมการค้าต่างประเทศ จะพิจารณาว่าจะระบายในรูปแบบใด เช่น จีทูจี หรือวิธีอื่น แต่ที่ผ่านมาจะขายเป็นจีทูจีให้กับทางรัฐบาลจีน

ส่วนมติครม. ที่เห็นชอบให้อคส. ออกประกาศประมูลซื้อแป้งมันจากลานมันจำนวน 10,000 ตันนั้น ทางอคส. คาดว่าจะเปิดประมูลซื้อได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งราคากลางเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังขณะนี้ อยู่ที่กก.ละ 6.75 บาท และแป้งมันสำปะหลังกว่า 12 บาท

สำหรับมันเส้นที่อยู่ในสต๊อกเก่าของรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2551/2552 ยังมีเหลืออยู่อีกประมาณ 270,000 ตัน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับกรมการค้าต่างประเทศ ว่าจะดำเนินการระบายในช่วงเวลาใด

                                                                                                             

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

คณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง โดยใช้มันเส้นตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2554/55










ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติการระบายมันเส้นจากสต๊อกของรัฐบาลที่รับจำนำไว้ตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2554/55 เพื่อนำไปผลิตเอทานอลประมาณ 65,000 ตัน ในราคาตันละ 7,316.50 บาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ  กระทรวงพาณิชย์  รายงานว่า ตามมติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังครั้งที่ 6/2555 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2555 เห็นชอบราคามันเส้นที่จะจำหน่ายแก่ผู้ผลิตเอทานอลในราคาเท่ากับต้นทุนมันเส้นตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2554/55 ตันละ 7,947.90 บาท ปริมาณ 64,000 ตัน โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หารือกับโรงงานเอทานอล ให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับราคามันเส้นดังกล่าว ซึ่งกรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ แจ้งว่า ได้หารือกับโรงงานเอทานอลแล้วมีความเห็นร่วมกันว่าให้จำหน่ายมันเส้นให้แก่ผู้ผลิตเอทานอลในราคาตันละ 7,316.50 บาท ตามที่เคยหารือไว้ในปริมาณรวมไม่เกิน 65,000 ตัน 

คต. แจ้งจีนส่งสัญญาณผ่อนปรนมาตรการการขนถ่ายมันเส้นไทย




            นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า จากที่มีข่าวว่าตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2555 ท่าเรือเหลียนหยุนก่างของประเทศจีน จะไม่รับเรือบรรทุกมันสำปะหลังเส้นจากประเทศไทยเนื่องจากปัญหาฝุ่นละอองซึ่งเป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมนั้น ขอชี้แจงว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้รับมอบหมายจากนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ไปหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลสินค้าเกษตร (มันสำปะหลัง) ของสถานทูตจีน ซึ่งทางสถานทูตจีนในประเทศไทยรับปากว่าจะดำเนินการตามที่ทางการไทยร้องขอ คือผ่อนปรนโดยเลื่อนการใช้มาตรการกับมันสำปะหลังเส้นของไทยออกไปจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง ปี 2555/56 เพื่อให้ฝ่ายไทยสามารถปรับตัวกับมาตรการดังกล่าวได้

             นายสุรศักดิ์ฯ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บรรยากาศของการหารือของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นไปด้วยดีแบบฉันท์มิตร เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ทั้งในมิติด้านการค้า เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง โดยฝ่ายจีนรับว่าจะผลักดันอย่างเต็มที่มิให้ใช้มาตรการดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกมันสำปะหลังเส้นไปจีนได้ราบรื่นมากขึ้น และจะส่งผลให้ราคามันสำปะหลังของไทยทั้งระบบปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากความต้องการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบของตลาดจีนและตลาดโลก ทั้งอุตสาหกรรมอาหาร พลังงาน เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 5-10 ในขณะที่ผลผลิตของโลกไม่ได้เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด เนื่องจากเกิดภาวะอากาศที่แปรปรวนทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง และศัตรูแมลง ที่มีผลกระทบต่อผลผลิตของมันสำปะหลัง


ที่มา : www.newsplus.co.th  






Powered by Allweb Technology.