Company Logo
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ www.nettathai.org สนใจสมัครสมาชิก ติดต่อ โทรศัพท์ 0 4421 2370 - 1 โทรสาร 0 4421 2372 E-mail : nettathai@hotmail.com





อัตราแลกเปลี่ยน



พยากรณ์อากาศ

4 สมาคมมันฯ พบปลัดพาณิชย์ ฟันธง ชาวไร่มันฯได้เฮราคาปีหน้าแน่นอน

 

4 สมาคมมันฯ พบปลัดพาณิชย์ ฟันธง ชาวไร่มันฯได้เฮราคาปีหน้าแน่นอน พาณิชย์จับมือกองทัพภาค 1-2 จัดระเบียบนำเข้ามันเพื่อนบ้าน เตรียมบังคับใช้ประกาศนำเข้ามันฉบับใหม่

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 นายสุกิจ หวั่งหลี ประธานกรรมการ มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ได้นำคณะผู้บริหารของ 4 สมาคมมันสำปะหลัง ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย มาหารือถึงสถานการณ์การผลิต การค้ามันสำปะหลังของไทย รวมถึงมาตรการและแนวทางในการกำกับดูแลมันสำปะหลังปี 2560/61 ที่กำลังออกสู่ตลาดอยู่ในขณะนี้

“สถานการณ์ปัจจุบันมีความต้องการมากกว่าปริมาณผลผลิตที่มีในตลาด ทำให้ราคามันสำปะหลังเพิ่มสูงขึ้นทั้งระบบ โดยปัจจุบันราคาหัวมันสด เชื้อแป้ง 25% ณ จังหวัดนครราชสีมา อยู่ที่ 2.20 บาท/ก.ก. ราคามันเส้นอยู่ที่ 5.90-6.20 บาท/ก.ก. และราคามันเส้นส่งออกอยู่ที่ 195-200 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ทั้งนี้ เนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่น อ้อยและข้าวโพด รวมถึงบางพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทำให้ผลผลิตเสียหาย ทำให้ภาคเอกชนประเมินกันว่าผลผลิตมันสำปะหลังอาจลดต่ำกว่า 28 ล้านตัน”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าปัจจุบันราคามันสำปะหลังอยู่ในเกณฑ์ดี กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่นิ่งนอนใจ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านการผลิตและการตลาดมันสำปะหลัง จำนวน 14 มาตรการด้วยกัน อาทิ โครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ที่ปลูกมันสำปะหลัง โครงการสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังให้กับสถาบันเกษตรกรเพื่อเพิ่มมูลค่า โครงการกำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น

นอกจากนี้ยังได้ ดำเนินการแก้ไขปัญหามันเส้นด้อยคุณภาพเข้าสู่ประเทศ โดยจัดทำความร่วมมือระหว่างไทย-กัมพูชา ในการยกระดับมาตรฐานมันเส้นที่นำเข้าให้เป็นที่ยอมรับร่วมกัน ซึ่งฝ่ายกัมพูชาแสดงท่าทีตอบรับ และเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากจะช่วยผลักดันราคามันสำปะหลังในภูมิภาคให้สูงขึ้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. …. โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกเป็นประกาศกระทรวงพาณิชย์ เพื่อบังคับใช้ต่อไป

“กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดที่ติดกับชายแดนกัมพูชาและสปป.ลาว ในการกำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นขอให้พี่น้องชาวเกษตรกร เชื่อมั่นได้ว่าจะจำหน่ายผลผลิตมันสำปะหลังได้ในราคาที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่กำลังสดใสอยู่ในขณะนี้” นางนันทวัลย์กล่าว

สำหรับโครงการสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังให้วิสาหกิจชุมชน จำนวน 500 เครื่อง กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ขายได้ราคาดีจากการทำมันเส้นสะอาด โดยขอความร่วมมือทางจังหวัด คัดเลือกจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ผลิตมันสำปะหลังและจดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการให้บริการแก่สมาชิก ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ และสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569

ในช่วงเดือน มกราคม – กันยายน 2560 ไทยส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ฯ ปริมาณรวม 8.117 ล้านตัน มูลค่า 68.782 พันล้านบาท โดยมีการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน ปริมาณ 2.530 ล้านตัน มูลค่า 11.375 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 เล็กน้อย

Cassava exports see further surge เวียงจันทน์ (ANN) มูลค่าการส่งออกมันสำปะหลังปีนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องปีนี้หลังจากมูลค่าการส่งออกก้าวกระโดดใน 6 เดือนแรก

 

รายได้จาการส่งออกของลาวใน 6 เดือนแรกของปี 2560มากกว่า  US$77.3 ล้านใน สูงขึ้น 16.7 % เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกับปีก่อนที่ US$66.3 ล้านเมื่อปีที่แล้ว อ้างอิงมาจากกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์
      มูลค่าการส่งออก ในปี2013 เกือบจะ US$12.5ล้าน , ในปี2014  US$15.3 ล้าน,   ใน2015 ประมาณ US$ 31.7 และในปีที่ผ่านมา US$81.2ล้าน โดยผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังส่วนใหญ่จะส่งออกไปยัง ประเทศจีน ไทยและเวียดนามผ่านบริษัทเอกชน
    เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจำนวนมากในเวียงจันทน์ และบอลิคำไซจะได้ปรับ เปลี่ยนการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรหลังจากโรงงานมันสำปะหลังในถนนปากน้ำ(Pakngum)ที่ตั้งขึ้นโดยบริษัท Lao-Indochina จำกัด มหาชนได้รับผลกระทบทางการค้าและปิดลง ในขณะที่เกษตรกรที่จังหวัดอื่นๆ ยังคงเพาะปลูกและขายให้ผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งทำให้การส่งออกมีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
     มันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจหลักทางการค้าในประเทศ และส่งออกเช่นเดียวกับ กาแฟ ข้าวโพด ชา  อ้อย  และถั่ว

  ปีนี้กระทรวงเกษตรจะส่งเสริมเกษตรกรในการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศและการส่งออก โดยตั้งเป้าหมายมันสำปะหลัง1.55 ล้านตัน

     กระทรวงเกษตรคาดว่าภาคการเกษตรและป่าไม้จะเติบโตเฉลี่ย 3.1-3.4%  2017-2020  คิดเป็น 17% ของผลิตภัณฑ์ภายในประเทศทั้งหมด(GDP) มูลค่าการส่งออกของมันสำปะหลังใน 6 เดือนแรกของปีนี้สูงกว่ากลุ่มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟ อ้อย และข้าวโพด

ที่มา : กรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์

จีดีพีเกษตรไทยไตรมาส3โต 4.5% สัญญาณขยายตัวดีต่อเนื่อง

   น.ส.ทัศนีย์ เมืองแก้ว ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐ์กิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐ์กิจการเกษตรไตรมาส 3/2560 ขยายตัว 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 เนื่องจากผลผลิตภาพรวมของข้าวรวมทั้งประเทศยังคงเพิ่มขึ้น รวมถึงสินค้าพืชสำคัญต่างๆ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และลำไย แม้ว่าช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักต่อเนื่องและน่ำท่วม จนผลผลิตบางส่วนได่รับความเสียหาย ขณะที่การผลิตสินค้าปศุสัตว์เพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาด ประกอบกับระบบการผลิตทึ่ได้มาตรฐาน ในส่วนของสาขาประมง การผลิตสัตว์น้ำจืด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และการส่งออกสินค้าเกษตรและผลผลิตมีทิศทางเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจคู่ค้าดีขึ้น

       น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า พิจารณารายละเอียดพบว่า สาขาพืช ขยายตัว 7.4% ผลผลิตพืชสำคัญที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง สับปะรดโรงงาน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ลำไย มังคุด และเงาะ ด้านราคาสินค้าเฉลี่ยในไตรมาส เพิ่มขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง ยางแผ่นดิบ และทุเรียน สาขาปศุสัตว์ ขยายตัว 2.3% ทั้งไก่เนื้อ สุกร ไข่ไก่ และน้ำนมดิบ มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ส่วนราคา ไก่เนื้อและน้ำนมดิบ มีราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สาขาประมง หดหัว 3.2% เป็นผลมาจากกุ้งทะเลเพาะเลี่ยงผลผลิตมาแนวโน้มลดลง ในแหล่งผลิตสำคัญภาคใต้ จากสภาพอากาศ สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัว 5% มีการจ้างบริการเตรียมตัว ไถพรวนดิน และเกี่ยวนวดข้าว เพิ่มขึ้น สาขาป่าไม้ขยายตัว 2.2% เนื่องจากผลผลิตไม้ยางพารา ไม้ยูคาลิปตัส ที่เพิ่มเป็นหลัก

       สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรปี 2560 จะขยายตัว 3-4% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เดิม ณ เดือนมิถุนายน ว่าจะขยายตัว 2.5-3.5% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจการเกษตรช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ขยายตัวสูงที่ 10.3% โดยช่วงครึ่งหลังปี 25560 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากช่วงแรกของปี คาดว่าทุกสาขาการผลิต ขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศและปริมาณน้ำที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตทางการเกษตรมากขึ้น ประกอบกับ มีแรงขับเคลื่อนจากการดำเนินนโยบายและมาตรการด้ารการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเศรษฐกิจปี 2560 มีทิศทางดีขึ้น เป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าการเกษตรและผลิตภัณฑ์ของไทยซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้ช่วยสนับสนุนให้ภาคเกษตรปีนี้เติบโตได้ดี

 

ที่มา : มติชนออนไลน์  30 ตุลาคม 2560

 

พาณิชย์ ปลื้ม หลังพบผู้นำเข้าตุรกี มั่นใจเปิดตลาดมันสำปะหลังอัดเม็ดลอตแรก 1.2 ล้านตัน

 
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ และนายสมชาติ สร้อยทอง ที่ปรึกษาการพาณิชย์ภายในประเทศ เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 25-30 กันยายน 2560 ได้นำคณะ เดินทางเยือนสาธารณรัฐตุรกี เพื่อเจรจาขยายตลาดมันสำปะหลังในสาธารณรัฐตุรกี โดย 3 สมาคมมันสำปะหลังได้ทำบันทึกความเข้าใจ(MOU) ซื้อขายสินค้ามันสำปะหลังอัดเม็ดกับผู้นำเข้าตุรกี 3 ฉบับ ปริมาณรวม 900,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
 
จากนั้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2560 คณะเดินทางได้พบกับ Mr.Kadia Çavdar
ผู้บริหารบริษัท Tiryaki Agro ซึ่งเป็นผู้นำเข้า(Trader) สินค้าธัญพืชรายใหญ่ของตุรกี ได้ให้ข้อมูลว่า จากการเจรจากับคณะผู้แทนการค้ามันสำปะหลังไทยในครั้งนี้ ทำให้รับทราบว่าตลาดผู้ใช้มันสำปะหลังตุรกีมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในตัวสินค้ามันสำปะหลังอัดเม็ด ซึ่งที่ผ่านมาตุรกีนำเข้ากากมันสำปะหลังอัดเม็ด(Residual Tapioca Pellete) ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพต่ำกว่ามันสำปะหลังชนิดอัดเม็ด(Tapioca Pellete) มาโดยตลอด และแจ้งว่าต้องการนำเข้ามันสำปะหลังอัดเม็ดอย่างต่ำ 300,000 ตัน เพื่อมาทดลองตลาดผู้ซื้อตุรกี
 
“ตลาดมันสำปะหลังตุรกีเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก สามารถรองรับผลผลิตมันสำปะหลังของไทยในอนาคตได้เป็นอย่างดี หากผู้ซื้อรับทราบคุณประโยชน์ของสินค้าดังกล่าว การนำเข้าจะสามารถเติบโตได้สูงถึง 4.5 ล้านตันต่อปี เพราะตุรกีมีประชากรที่บริโภคเนื้อสัตว์มากกว่า 80 ล้านคน ช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังของไทยสามารถมั่นใจได้ว่าผลผลิตของตนจะมีตลาดรองรับอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อราคาที่เกษตรกรจะได้รับอย่างแน่นอน” นายวินิจฉัยกล่าว
 
สำหรับคณะผู้แทนการค้ามันสำปะหลัง ประกอบด้วย ผู้แทน กรมการค้าต่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ นครอิสตันบูล ผู้แทนภาควิชาการจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และผู้แทนภาคเอกชนได้แก่นายกสมาคมและสมาชิกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย บูรณาการในรูปแบบประชารัฐ
 
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 2 ตุลาคม 2560

​“พาณิชย์”นำคณะขายมันสำปะหลังตุรกี เซ็น MOU 9 แสนตัน มูลค่า 5 พันล้านบาท เผยส่งผลดีเกษตรกรขายหัวมันสดราคาดีขึ้น

 

“พาณิชย์”แจ้งข่าวดี หลังนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางไปเจรจาขยายตลาดมันสำปะหลังในตุรกี เผยมีการลงนาม MOU ซื้อขายมันสำปะหลังอัดเม็ด 9 แสนตัน มูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท และยังแสดงความต้องการนำเข้ามันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่มอีก 5 หมื่นตัน รวมถึงใบมันสำปะหลัง ภายในเดือนธ.ค.นี้ ระบุจะช่วยให้เกษตรกรขายหัวมันสดได้ราคาดีขึ้น  
         
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลัง ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และผู้แทนของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รวมถึงผู้เชี่ยวชาญการใช้มันสำปะหลังในสูตรอาหารสัตว์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เดินทางเยือนสาธารณรัฐตุรกี เพื่อเจรจาขยายตลาดมันสำปะหลังในสาธารณรัฐตุรกี
         
โดยการจัดคณะเดินทางเยือนประเทศตุรกีในครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จเกินความคาดหมาย สามารถผลักดันให้ตุรกีนำเข้ามันสำปะหลังอัดเม็ดเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ได้เพิ่มขึ้น โดย 3 สมาคมมันสำปะหลังได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซื้อขายสินค้ามันสำปะหลังอัดเม็ดกับผู้นำเข้าตุรกี รวมจำนวน 3 ฉบับ ปริมาณรวม 900,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ การเจรจากับบริษัท Promaks ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่แห่งหนึ่งของตุรกี ได้แสดงความต้องการนำเข้ามันสำปะหลังอัดเม็ดอีกประมาณ 50,000 ตัน ภายในเดือนธ.ค.2560 รวมถึงต้องการนำเข้าใบมันสำปะหลัง เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ในปริมาณมากอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ไทยได้ใช้โอกาสนี้เชิญสมาคมอาหารสัตว์ตุรกีและผู้นำเข้ามันสำปะหลังรายสำคัญเข้าร่วมงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังนานาชาติ World Tapioca Conference 2018 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ และมีกำหนดจัดงานในช่วงเดือนมิ.ย.2561 ด้วย

“จากความสำเร็จของการนำคณะเดินทางไปเจรจาขยายตลาดมันสำปะหลังของตุรกีในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมการผลิตและการค้ามันสำปะหลังของไทยว่าจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการที่มีตลาดที่หลากหลาย และยังส่งผลช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังของไทย ที่จะขายมันสำปะหลังได้ราคาดีขึ้น”นายวินิจฉัยกล่าว

ที่มา : CNA  วันที่ 28 กันยายน 2560 






Powered by Allweb Technology.