
สถานการณ์และแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปีการผลิต 2561/62
เรื่อง สถานการณ์และแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปีการผลิต 2561/62
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบสถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้ามันสำปะหลัง ปี 2561/62 มาตรการและแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง และแผนการดำเนินงานตามแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปีการผลิต 2561/62 จำนวน 5 โครงการ วงเงินรวม 183.324 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
2. อนุมัติการดำเนินโครงการของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)จำนวน 2 โครงการ (โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร) โดยชดเชยดอกเบี้ยในกรอบวงเงินงบประมาณ 82.65 ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามผลการดำเนินการจริง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
3. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
สาระสำคัญของเรื่อง
1. กระทรวงพาณิชย์เสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบสถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้า
มันสำปะหลัง ปี 2561/62 รวมทั้งมาตรการและแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการเสนอสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และรับทราบแผนการดำเนินงานตามแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปีการผลิต 2561/62 จำนวน 5 โครงการ วงเงินรวม 18.324 ล้านบาท และอนุมัติการดำเนินโครงการของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและวงเงินงบประมาณที่ใช้ดำเนินโครงการปี 2561/62 จำนวน 2 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 114 ล้านบาท ดังนี้ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด วงเงินสินเชื่อ 1,150 ล้านบาท วงเงินที่ขอรับจัดสรร 69 ล้านบาท และ (2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท วงเงินที่ขอรับจัดสรร 45 ล้านบาท โดยภาระงบประมาณที่เกิดขึ้น ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ มาตรการและแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลังและแนวทางการบริหารจัดการสินค้ามันสำปะหลัง ปีการผลิต 2561/62 รวม 8 โครงการ ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลังใน การประชุมครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2561 ด้วยแล้ว
2. แนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี 2561/62 ประกอบด้วย โครงการรวม 7 โครงการ
1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด ปี 2561/62 (ธ.ก.ส.)
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2561/62 (ธ.ก.ส.)
3) โครงการสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังขนาดเล็กเพื่อเพิ่มศักยภาพการแปรรูปมันสำปะหลัง เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร10 ล้านบาท
4) โครงการขยายโอกาสทางการค้าและพัฒนาศักยภาพผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร 2 ล้านบาท
5) โครงการกำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร 6.324 ล้านบาท
6) โครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด (มันเส้นสะอาด) โครงการของกระทรวงพาณิชย์ที่ไม่ขอรับจัดสรรงบประมาณ
7) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง โครงการของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่ไม่ขอรับจัดสรรงบประมาณ
“เกษตรแปลงใหญ่ มันสำปะหลังอัจฉริยะ : SWI Model”
เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562 เวลา 09.30 น.-12.00 น. ณ แปลงเรียนรู้ NIA บ้านหนองแหน หมู่ที่ 5 ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายธีระ เอื้ออภิธร อุปนายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับมอบหมายจาก นายสมบูรณ์ วัฒนวานิชย์กุล นายกสมาคมฯ เป็นผู้แทนเข้าร่วมพิธีเปิดงาน “เกษตรแปลงใหญ่ มันสำปะหลังอัจฉริยะ : SWI Model” จัดโดย บริษัท สงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด ผู้เข้าร่วมงานประมาณ 300 คน ประกอบด้วย หัวหน้าเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการ กรมส่งเสริมการเกษตร ผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการ จากกรมวิชาการเกษตร ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตร ผู้บริหารโรงแป้งสมาชิกสมาคมฯ ในจังหวัดนครราชสีมา ผู้ประกอบการภาคเอกชน ผู้แทนหอการค้าจังหวัด ผู้ประกอบการโรงแป้งในพื้นที่จังหวัดต่างๆ กลุ่มคลัสเตอร์มันโคราช เครือข่ายเกษตรกรแปลงใหญ่จังหวัดนครราชสีมา โดย นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน พบปะเกษตรกร และเยี่ยมชมฐานการเรียนรู้ บูทแสดงนิทรรศการนวตกรรมเทคโนโลยีการเพิ่มผลผลิตภายในงาน
นางธิดารัตน์ รอดอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด กล่าวรายงานว่าสืบเนื่องจากทางบริษัทฯ ได้รับงบสนับสนุนจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เพื่อจัดทำโครงการ “SWI Model รูปแบบการบริหารจัดการเกษตรแปลงใหญ่แบบแม่นยำสูงและยั่งยืน สำหรับมันสำปะหลัง” โดยได้บูรณาการกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กรมวิชาการเกษตร และผู้ประกอบการภาคเอกชน ในการนำผลงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลังมาจัดทำแปลงเรียนรู้ ให้เป็นต้นแบบการบริหารจัดการเกษตรแปลงใหญ่แบบอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง บนพื้นที่รวม 150 ไร่ ณ บ้านหนองแหน หมู่ 5 ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา บัดนี้ กิจกรรมต่างๆ ในโครงการได้สำเร็จเรียบร้อยตามแผนงาน เพื่อเป็นการขยายผลการนำนวัตกรรมต่างๆ ไปสู่เครือข่ายและผู้สนใจ จึงได้จัดงาน “เกษตรแปลงใหญ่ มันสำปะหลังอัจฉริยะ : SWI Model ” ขึ้นในวันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
1. ถ่ายทอดองค์ความรู้ ในเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การใช้อากาศยานไร้คนขับ การให้น้ำหยดแบบกึ่งอัตโนมัติ การใช้พลังงานทางเลือกโซล่าเซลล์ และการใช้เครื่องจักรกลการเกษตร โดยยังคงยึดกรอบ 5 เทคโนโลยีพื้นฐานเดิมของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ การใช้พันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การจัดการดิน การให้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ การจัดน้ำ และการอารักขาพืช
2. นำเสนอผลที่ได้รับจากโครงการ ข้อจำกัดการเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้ผู้สนใจ สามารถเลือกและปรับใช้ให้เหมาะสม
นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่ปลูกมันสำปะหลังมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีเนื้อที่เพาะปลูกประมาณ 2 ล้านไร่ มีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังกว่า 73,000 ราย ผลิตหัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดปีละประมาณ 8 ล้านตัน ประกอบกับมีโรงแป้ง 23 โรง ลานมันประมาณ 120 แห่ง ถือได้ว่าเป็นแหล่งอุตสาหกรรมมันสำปะหลังอันดับหนึ่งของประเทศ
ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของตลาดต่างประเทศคู่ค้าของไทย และกลไกตลาดโลกที่กดดันให้ราคามันสำปะหลังตกต่ำ ทำให้พี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังต่างก็ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ซึ่งวิกฤตินี้ใช้เวลาปรับตัวของกลไกตลาดนานพอสมควร กว่าที่ราคาตลาดจะฟื้นกลับสู่ระดับปัจจุบัน จากวิกฤติดังกล่าว จะเห็นว่าการปรับแก้ปัจจัยภายนอก หรือกลไกตลาด เป็นเรื่องที่ยากมากและใช้ระยะเวลานาน ซึ่งเกษตรกรไม่ควรรอคอย หรือพึ่งพาปัจจัยภายนอกมากเกินไป ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการผลิตให้มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำที่สุด จึงจำเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในภาวะวิกฤติราคา และมีรายได้สูงเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
ภาครัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างก็ได้พยายามช่วยเหลือการปรับตัวของพี่น้องเกษตรกร ด้วยโครงการต่างๆ มากมาย ผ่านกิจกรรมของการรวมกันเป็นกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ การส่งเสริมการปรับใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมมุ่งสู่นโยบาย Thailand 4.0 การเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนด้วยเครื่องจักรกล ทดแทนแรงงาน และการบูรณาการกับเครือข่ายภาคเอกชน ผ่านนโยบายประชารัฐ เป็นต้น
โครงการ “เกษตรแปลงใหญ่ มันสำปะหลังอัจฉริยะ : SWI Model” ที่จัดขึ้นในวันนี้ ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างต้นแบบที่ดีที่ภาคเอกชนและภาครัฐ ได้ร่วมมือกันบูรณาการเอาผลงานวิจัยต่าง ๆ ลงสู่แปลงเรียนรู้ในเชิงปฏิบัติจริง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ และตามยุทธศาสตร์มันสำปะหลังจังหวัดนครราชสีมา หรือ Korat Tapioca Model ซึ่งงานนี้ถือเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จังหวัดได้เป็นอย่างดี ในการปรับใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และเผยแพร่องค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ สู่พี่น้องเกษตรกรเครือข่ายในวันนี้ และขอขอบคุณภาคีความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ร่วมกันจัดงานในครั้งนี้
สศก. หารือร่วมจีน รุกแนวทางนวัตกรรมดาวเทียมเพื่อประโยชน์ทางการเกษตร
สศก. หารือร่วมจีน รุกแนวทางนวัตกรรมดาวเทียมเพื่อประโยชน์ทางการเกษตร
แหล่งข่าว: https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1323444