Company Logo
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ www.nettathai.org สนใจสมัครสมาชิก ติดต่อ โทรศัพท์ 0 4421 2370 - 1 โทรสาร 0 4421 2372 E-mail : nettathai@hotmail.com





อัตราแลกเปลี่ยน



พยากรณ์อากาศ

พาณิชย์ เผย นบมส.เห็นชอบเสนอครม.ของบกลางจ่ายชดเชยเกษตรกรปลูกมันสำปะหลังไร่ละ 1,000 บาท

 

           พาณิชย์ เผยการประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง เห็นชอบจะเสนอ ครม. ของบกลางจ่ายชดเชยเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังไร่ละ 1,000 บาท ในพื้นที่ระบาดของโรคใบด่าง สกัดก่อนขยายวงกว้าง

          นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2561 ว่า ที่ประชุมได้มีมติแก้ไขปัญหาโรคใบด่างในไร่มันสำปะหลัง เน้นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เช่น ปราจีนบุรี โดยของงบกลางเพื่อชดเชยให้กับเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท หรือ คิดเป็นราคาหัวมันสดประมาณกิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาท ส่วนใช้งบประมาณเท่าไรนั้นรอให้กรมวิชาการเกษตรกรตรวจสอบพื้นที่เสียหายก่อน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงมาตรการดูแลเรื่องการนำเข้า ขนย้าย พร้อมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วนี้

            “สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ การสกัดไม่ให้มีการลุกลามของโรคใบด่างไปยังพื้นที่อื่นๆ เพราะขณะนี้ยังมีการระบาดอยู่ในวงจำกัด สามารถดูแลได้ โดยกรมวิชาการเกษตรจะออกตรวจสอบพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังว่ามีที่ไหนอีกที่มีการระบาด หากพบก็ทำลายทันที และจะจ่ายชดเชยให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท โดยไม่ได้จำกัดจำนวนไร่ว่าจะต้องเท่าไร แต่จะจ่ายชดเชยตามจริง เพราะถ้าควบคุมได้ จะมีผลต่อราคามันสำปะหลังของไทยในอนาคต”

              นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้กำกับดูแลมันสำปะหลังที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชาและเวียดนาม โดยจะควบคุมดูแลการนำเข้าท่อนพันธุ์และหัวมันสำปะหลังที่ด่านนำเข้า ซึ่งจะมีการตรวจสอบโรคพืชอย่างละเอียด และนอกจากตรวจสอบที่ต้นทางนำเข้าแล้ว เมื่อขนส่งมันสำปะหลังไปถึงปลายทางจะมีการตรวจสอบโรคพืชอีกครั้ง รวมทั้งได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเข้มงวดจังหวัดชายแดนที่นำเข้าท่อนพันธุ์และหัวมันสำปะหลัง โดยให้แจ้งการขนย้ายข้ามจังหวัด และขอความร่วมมือโรงงานแปรรูปมันสำปะหลัง ให้มีการทำลายเหง้าที่ติดหัวมันสำปะหลังทิ้งทุกครั้งที่แปรรูปเสร็จ เพื่อให้เป็นไปตามสุขอนามัยในการดูแลการระบาดของโรคพืชในประเทศ

             ทั้งนี้ เชื่อว่าจากมาตรการทั้งหมดนี้ จะทำให้ไทยควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคใบด่างได้ และเป็นโอกาสที่ไทยจะเป็นการส่งออกมันสำปะหลังไปยังตลาดต่างประเทศ ทดแทนมันสำปะหลังของประเทศที่มีการระบาดของโรคดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น

             สำหรับราคามันสำปะหลังในปัจจุบันถือว่ามีราคาดี โดยมีราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2.75 ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยช่วง 9 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.) มีปริมาณ 6.35 ล้านตัน ลดลง 22.6% และมูลค่า 2,315 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.4%

ที่มา 

พาณิชย์ เผยการประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง เห็นชอบจะเสนอ ครม. ของบกลางจ่ายชดเชยเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังไร่ละ 1,000 บาท ในพื้นที่ระบาดของโรคใบด่าง สกัดก่อนขยายวงกว้าง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2561 ว่า ที่ประชุมได้มีมติแก้ไขปัญหาโรคใบด่างในไร่มันสำปะหลัง เน้นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เช่น ปราจีนบุรี โดยของงบกลางเพื่อชดเชยให้กับเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท หรือ คิดเป็นราคาหัวมันสดประมาณกิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาท ส่วนใช้งบประมาณเท่าไรนั้นรอให้กรมวิชาการเกษตรกรตรวจสอบพื้นที่เสียหายก่อน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงมาตรการดูแลเรื่องการนำเข้า ขนย้าย พร้อมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วนี้

“สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ การสกัดไม่ให้มีการลุกลามของโรคใบด่างไปยังพื้นที่อื่นๆ เพราะขณะนี้ยังมีการระบาดอยู่ในวงจำกัด สามารถดูแลได้ โดยกรมวิชาการเกษตรจะออกตรวจสอบพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังว่ามีที่ไหนอีกที่มีการระบาด หากพบก็ทำลายทันที และจะจ่ายชดเชยให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท โดยไม่ได้จำกัดจำนวนไร่ว่าจะต้องเท่าไร แต่จะจ่ายชดเชยตามจริง เพราะถ้าควบคุมได้ จะมีผลต่อราคามันสำปะหลังของไทยในอนาคต”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้กำกับดูแลมันสำปะหลังที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชาและเวียดนาม โดยจะควบคุมดูแลการนำเข้าท่อนพันธุ์และหัวมันสำปะหลังที่ด่านนำเข้า ซึ่งจะมีการตรวจสอบโรคพืชอย่างละเอียด และนอกจากตรวจสอบที่ต้นทางนำเข้าแล้ว เมื่อขนส่งมันสำปะหลังไปถึงปลายทางจะมีการตรวจสอบโรคพืชอีกครั้ง รวมทั้งได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเข้มงวดจังหวัดชายแดนที่นำเข้าท่อนพันธุ์และหัวมันสำปะหลัง โดยให้แจ้งการขนย้ายข้ามจังหวัด และขอความร่วมมือโรงงานแปรรูปมันสำปะหลัง ให้มีการทำลายเหง้าที่ติดหัวมันสำปะหลังทิ้งทุกครั้งที่แปรรูปเสร็จ เพื่อให้เป็นไปตามสุขอนามัยในการดูแลการระบาดของโรคพืชในประเทศ

ทั้งนี้ เชื่อว่าจากมาตรการทั้งหมดนี้ จะทำให้ไทยควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคใบด่างได้ และเป็นโอกาสที่ไทยจะเป็นการส่งออกมันสำปะหลังไปยังตลาดต่างประเทศ ทดแทนมันสำปะหลังของประเทศที่มีการระบาดของโรคดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น

สำหรับราคามันสำปะหลังในปัจจุบันถือว่ามีราคาดี โดยมีราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2.75 ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยช่วง 9 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.) มีปริมาณ 6.35 ล้านตัน ลดลง 22.6% และมูลค่า 2,315 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 

 

พาณิชย์ เผยการประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง เห็นชอบจะเสนอ ครม. ของบกลางจ่ายชดเชยเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังไร่ละ 1,000 บาท ในพื้นที่ระบาดของโรคใบด่าง สกัดก่อนขยายวงกว้าง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2561 ว่า ที่ประชุมได้มีมติแก้ไขปัญหาโรคใบด่างในไร่มันสำปะหลัง เน้นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เช่น ปราจีนบุรี โดยของงบกลางเพื่อชดเชยให้กับเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท หรือ คิดเป็นราคาหัวมันสดประมาณกิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาท ส่วนใช้งบประมาณเท่าไรนั้นรอให้กรมวิชาการเกษตรกรตรวจสอบพื้นที่เสียหายก่อน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงมาตรการดูแลเรื่องการนำเข้า ขนย้าย พร้อมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วนี้

“สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ การสกัดไม่ให้มีการลุกลามของโรคใบด่างไปยังพื้นที่อื่นๆ เพราะขณะนี้ยังมีการระบาดอยู่ในวงจำกัด สามารถดูแลได้ โดยกรมวิชาการเกษตรจะออกตรวจสอบพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังว่ามีที่ไหนอีกที่มีการระบาด หากพบก็ทำลายทันที และจะจ่ายชดเชยให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท โดยไม่ได้จำกัดจำนวนไร่ว่าจะต้องเท่าไร แต่จะจ่ายชดเชยตามจริง เพราะถ้าควบคุมได้ จะมีผลต่อราคามันสำปะหลังของไทยในอนาคต”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้กำกับดูแลมันสำปะหลังที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชาและเวียดนาม โดยจะควบคุมดูแลการนำเข้าท่อนพันธุ์และหัวมันสำปะหลังที่ด่านนำเข้า ซึ่งจะมีการตรวจสอบโรคพืชอย่างละเอียด และนอกจากตรวจสอบที่ต้นทางนำเข้าแล้ว เมื่อขนส่งมันสำปะหลังไปถึงปลายทางจะมีการตรวจสอบโรคพืชอีกครั้ง รวมทั้งได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเข้มงวดจังหวัดชายแดนที่นำเข้าท่อนพันธุ์และหัวมันสำปะหลัง โดยให้แจ้งการขนย้ายข้ามจังหวัด และขอความร่วมมือโรงงานแปรรูปมันสำปะหลัง ให้มีการทำลายเหง้าที่ติดหัวมันสำปะหลังทิ้งทุกครั้งที่แปรรูปเสร็จ เพื่อให้เป็นไปตามสุขอนามัยในการดูแลการระบาดของโรคพืชในประเทศ

ทั้งนี้ เชื่อว่าจากมาตรการทั้งหมดนี้ จะทำให้ไทยควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคใบด่างได้ และเป็นโอกาสที่ไทยจะเป็นการส่งออกมันสำปะหลังไปยังตลาดต่างประเทศ ทดแทนมันสำปะหลังของประเทศที่มีการระบาดของโรคดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น

สำหรับราคามันสำปะหลังในปัจจุบันถือว่ามีราคาดี โดยมีราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2.75 ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยช่วง 9 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.) มีปริมาณ 6.35 ล้านตัน ลดลง 22.6% และมูลค่า 2,315 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.4%

ที่มา : www.prachachat.net/economy/news-250693

ประชุม 4 สมาคมมันสําปะหลัง สถานการณ์ มัน กำแพงเพชร

 

สมาคมมันสําปะหลัง 4 แห่ง ของประเทศ ประชุมที่อาคารสิงห์โตทองกรุ๊ปสรุปสถานการณ์ ปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังฤดูกาลผลิต 2560/2561

สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย ได้กำหนดนำคณะเดินทางสำรวจทบทวน ภาวะการผลิตมันสำปะหลังฤดูการผลิต 2560/2561 เพื่อทบทวนปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังฤดูกาลผลิต 2560/2561 รวมทั้งติดตามภาวะการค้ามันสำปะหลังและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ 3 ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2561

ที่ห้องประชุมมนต์ธญา นายมนต์ชัย รุ่งชาญชั ประธานบริหารบริษัทในเครือสิงห์โตทองกรุ๊ป ได้เปิดห้องประชุมให้การต้อนรับ นายสมบูรณ์ วัฒนวณิชย์กุลประธานคณะสำรวจมันสําปะหลัง 4 สมาคมนายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย รวมทั้ง ผู้แทนหน่วยราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ประกอบการ จำนวน 100 คน ประชุมสอบถามข้อมูลผู้ค้ามันสำปะหลังในจังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดตาก

 

การประชุมก็เป็นไปอย่างเข้มข้น ได้มีการแลกเปลี่ยนปัญหาสถานการณ์การส่งออกยังต่างประเทศ   และการเพาะปลูกมันสำปะหลังใน 3 จังหวัดพบว่า พื้นที่แต่ละจังหวัดประสบปัญหาที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะภัยแล้ง เกี่ยวกับพันธุ์มันสำปะหลัง เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวการเปลี่ยนแปลงปลูกพืชเศรษฐกิจ และราคาจูงใจที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดของการเพาะปลูกพืชเกษตร  รวมทั้งการส่งเสริมของภาครัฐ ผลสรุปอย่างไม่เป็นทางการในที่ประชุม พบว่าพื้นที่เพาะปลูกภายในจังหวัดกำแพงเพชร มีการปลูกเพิ่มขึ้น ลดลง ไม่ต่างไปจาก 10 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าในฤดูกาลผลิตนี้จะมีเพิ่มพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเกษตรกรที่ปลูกอ้อยและมีการคาดการณ์ว่าในปีหน้าราคาอ้อยจะตกต่ำ เกษตรกรจึงได้หันมาปลูกมันสำปะหลังที่คาดว่าราคาจะสูงขึ้นทดแทน

นอกจากนี้ที่ประชุม ยังได้รายงานถึงความก้าวหน้า ของ บริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือสิงห์โตทองกรุ๊ป และอาคารสิงโตทอง ที่ได้ก่อสร้างขึ้น เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจครบวงจร ที่ได้เริ่มต้นธุรกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2544 ปัจจุบัน มีบริษัทในเครือ 4 บริษัท มีโรงสี 2 โรง โรงปรับปรุงคุณภาพข้าว 1 โรง มีคลังเก็บสินค้ารองรับจุกว่า1 ล้านตัน มีกำลังผลิต 2,000 ตันต่อวัน บนเนื้อที่กว่า 500 ไร่ และทางบริษัทยังเตรียมพร้อมรองรับ ความก้าวหน้าทางธุรกิจการค้าในยุค 4.0 ซึ่งอาคารสิงห์โตทองกรุ๊ป จะเป็นศูนย์กลางการค้าขายพืชผลทางการเกษตรแบบครบวงจรและทันสมัยรวมทั้งจะเป็น ระบบต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ที่ครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิต กระบวนการซื้อขายรวมไปถึงนำไปสู่ตลาดโลก  

 

ซึ่งคุณมนต์ชัยได้ดำเนินการแปลงสาธิต ปลูกข้าว ปลูกมัน ปลูกข้าวโพด ดำเนินการศูนย์เรียนรู้เครื่องจักรทางการเกษตร และธุรกิจทางการเกษตร มีอาคารสิงห์โตทองกรุ๊ป เป็นศูนย์กลางในการซื้อขาย และได้นำเทคโนโลยีไฮเทคสมัยใหม่ ที่เข้าถึงกลุ่มตลาดโลกได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง แค่เพียงปลายนิ้วมือบน Smartphone ก็สามารถซื้อขายกันได้แล้วอย่างง่ายดาย นอกจากนี้แล้วในปัจจุบัน ผู้ประกอบการในจังหวัดจังหวัดกำแพงเพชร ยังเป็นผู้ส่งออกมันเส้นอันดับต้นของประเทศ อีกด้วย

รับชมวิดีโอ>>>>สิงห์โตทองกรุ๊ป ประชุม 4 สมาคมมันสําปะหลัง สถานการณ์ มันกำแพงเพชร

พาณิชย์ แนะผู้ส่งออกไทยเตรียมพร้อมรองรับดีมานด์มันสำปะหลังจากจีน หลังราคาข้าวโพดขยับขึ้นแรง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์การค้ามันสำปะหลังอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจีนมีความต้องการนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าตลาดจีนจะเพิ่มปริมาณการนำเข้าอีก หลังจากหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากราคาเฉลี่ยข้าวโพดจีนได้ปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงต้นเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 1,672 หยวน/ตัน ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ราคาเฉลี่ยในปัจจุบัน 1,795 หยวน/ตัน เพิ่มขึ้น 123 หยวน/ตันหรือคิดเป็นร้อยละ 7

"ปัจจุบันราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตลาดโลก ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังทั้งของไทยและของประเทศเพื่อนบ้านดีขึ้นทั้งระบบ จึงอยากขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการ ให้รับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรมและสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดด้วย เพื่อที่กระทรวงพาณิชย์จะได้ไม่ต้องออกมาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นภาระของผู้ประกอบการในที่สุด นอกจากนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดจีน กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) ได้ร่วมกับสมาคมมันสำปะหลังที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมขยายตลาดสินค้ามันสำปะหลัง อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ มีกำหนดนำคณะภาคเอกชน เดินทางไปเจรจาและขยายตลาดมันสำปะหลังในประเทศตุรกีและนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการนำเข้ามันสำปะหลังไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์

ส่วนการนำเข้ามันสำปะหลังจากเพื่อนบ้านในปีนี้ คาดว่าปริมาณการนำเข้าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผลการสำรวจในเบื้องต้นของคณะติดตามภาวะการผลิตมันสำปะหลัง ฤดูกาลผลิต 2560/61 พบว่าผลผลิตของประเทศเพื่อนบ้านเสียหายจากโรคใบด่างและโรคพุ่มแจ้ คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 20% อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาประเทศเพื่อนบ้าน มีแสงแดดน้อย ทำให้ผลผลิตจำนวนหนึ่งมีความชื้นสูง คุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐาน กระทรวงพาณิชย์โดย คต. จึงได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ไม่ได้มาตรฐานราคาต่ำรั่วไหลเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ และอาจทำให้ราคามันสำปะหลังทั้งระบบตกต่ำในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยไม่ได้ห้ามการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่การนำเข้าต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเดือนที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศ ได้ดำเนินการพักทะเบียนผู้นำเข้าที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องแล้วจำนวนหนึ่ง เนื่องจากตรวจพบว่า มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น มีความชื้น หรือมีดินทรายเกินกว่าที่กำหนด จึงอยากขอความร่วมมือผู้นำเข้ามันสำปะหลังศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด

ที่มา : ข่าวเศษฐกิจ RYT9 วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561

ชาวไร่มีเฮมันสำปะหลังราคาพุ่ง ผลผลิตลดเหลือ26ล้านตัน-ส่งออกคึก

นายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย กล่าวว่า ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2561 คาดการณ์ว่าจะน้อยมากไม่น่าจะเกิน 26 ล้านตันโดยเฉพาะภาคอีสาน เพราะพื้นที่เพาะปลูกน้อยลง คุณภาพลดลง

ส่วนสภาพอากาศไม่น่าจะมีผลมากนักซึ่งผลผลิตออกมากที่สุดช่วงเดือนมกราคม-เมษายนของทุกปี ส่งผลให้ราคาดีขึ้น มันเส้นอยู่ที่ 210 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากเดิม 200 เหรียญสหรัฐต่อตัน แนวโน้มจะดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะความต้องการยังสูงโดยเฉพาะจีนนำไปผลิตเอทานอล ส่วนการนำเข้าไม่น่าจะมาก เนื่องจากกัมพูชาได้รับผลกระทบราคาตกต่ำเช่นเดียวกับไทย

นางสุรีย์ ยอดประจง กรรมการและที่ปรึกษา สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย เปิดเผยว่า การออกมาตรการนำเข้าเป็นเรื่องดี ช่วยควบคุมดูแลและสามารถติดตามได้หากมีปัญหาเรื่องโรค ขณะที่ปริมาณมันสำปะหลังในปี 2561 อาจจะลดลง เป็นผลมาจากปัญหาราคาตกต่ำ ภัยแล้ง เกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นมากขึ้น แต่จะมีผลต่อราคาดีขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกผลผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในภาพรวมปี 2561 คาดการณ์ขยายตัว 10-11 ล้านตัน

ขณะที่ปริมาณการส่งออกปี 2560 จะมากกว่า 10 ล้านตัน มูลค่าอยู่ที่ 2,900 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะราคามันเส้นอยู่ที่ 2.25-2.40 บาทต่อกิโลกรัม ต้นทุนของเกษตรกรอยู่ที่ 1.90 บาทต่อกิโลกรัม แนวโน้มราคาอาจปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาตลาดโลกแนวโน้มขยับขึ้นอยู่ที่ 205-212 เหรียญสหรัฐต่อตัน

นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศเตรียมออกไปโรดโชว์ ทั้งในตุรกี เกาหลี ญี่ปุ่น และเตรียมจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับมันสำปะหลังในเดือนมิถุนายน 2561 เพื่อลดความเสี่ยงจากการส่งออกไปตลาดจีน ซึ่งไทยส่งออกถึง 90%ในปีหน้าคาดว่าการส่งออกและราคาในประเทศจะดีขึ้น ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่น่ากังวล และต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายกีรติกล่าวต่อไปว่า กรมการค้าต่างประเทศได้ออกมาตรการเพิ่มเติม เรื่องการกำหนดให้มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง และต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2560 เพิ่มเติมจากมาตรการเดิม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2561 โดยกำหนดให้ก่อนการนำเข้าต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการนำเข้า และหลังนำเข้า กรมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสุ่มตรวจคุณภาพของมันสำปะหลัง หากพบไม่ได้คุณภาพจะไม่ให้ผู้ประกอบการรายนั้นนำเข้าในครั้งต่อไป จนกว่าจะมีการปรับปรุงคุณภาพให้ดี กรมจะปลดล็อกและให้มีการนำเข้าปกติ

“มาตรการเดิมของการนำเข้า กรมจะกำหนดให้ผู้นำเข้าขึ้นทะเบียน จะต้องมีเอกสารการนำเข้า ประกอบด้วยใบรับรองเรื่องของโรค คุณภาพ อย่างไรก็ดี กรมไม่ได้ห้ามนำเข้า เพียงแต่กำหนดมาตรการดูแลการนำเข้าเพิ่มเติม เพื่อจะได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสารในการวิเคราะห์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ติดตาม แก้ไขต่อไป”

ที่มาประชาชาติธุรกิจ 3 มกราคม 2561

ภาครัฐ-เอกชน ฟันธงชาวไร่มันสำปะหลังได้เฮ! ราคาปีหน้าพุ่งแน่นอน

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2560 นายสุกิจ หวั่งหลี ประธานกรรมการ มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ได้นำคณะผู้บริหารของ 4 สมาคมมันสำปะหลัง ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย มาหารือถึงสถานการณ์การผลิต การค้ามันสำปะหลังของไทย รวมถึงมาตรการและแนวทางในการกำกับดูแลมันสำปะหลังปี 2560/61 ที่กำลังออกสู่ตลาดอยู่ในขณะนี้

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ปัจจุบันมีความต้องการมากกว่าปริมาณผลผลิตที่มีในตลาด ทำให้ราคามันสำปะหลังเพิ่มสูงขึ้นทั้งระบบ โดยปัจจุบันราคาหัวมันสด เชื้อแป้ง 25% ณ จังหวัดนครราชสีมา อยู่ที่ 2.20 บาท/ก.ก. ราคามันเส้นอยู่ที่ 5.90-6.20 บาท/ก.ก. และราคามันเส้นส่งออกอยู่ที่ 195-200 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ทั้งนี้ เนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่น อ้อยและข้าวโพด รวมถึงบางพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทำให้ผลผลิตเสียหาย ทำให้ภาคเอกชนประเมินกันว่าผลผลิตมันสำปะหลังอาจลดต่ำกว่า 28 ล้านตัน

สำหรับภาคส่งออก แนวโน้มการส่งออก ยังคงสดใส โดยเฉพาะในตลาดจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนมีนโยบายเพิ่มการใช้เอทานอลในน้ำมันเชื้อเพลิง (E10) ภายในปี 2563 เพื่อส่งเสริมมาตรการลดมลพิษ ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้องการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ล้านตัน ในปี 2563 จากปัจจุบันที่มีความต้องการใช้ เพียง 2.6 ล้านตัน ทำให้คาดการณ์ว่า จีนจะมีความต้องการนำเข้ามันสำปะหลังเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล

ถึงแม้ว่าปัจจุบันราคามันสำปะหลังอยู่ในเกณฑ์ดี กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่นิ่งนอนใจ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านการผลิตและการตลาดมันสำปะหลัง จำนวน 14 มาตรการด้วยกัน อาทิ โครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ที่ปลูกมันสำปะหลัง โครงการสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังให้กับสถาบันเกษตรกรเพื่อเพิ่มมูลค่า โครงการกำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังดำเนินการแก้ไขปัญหามันเส้นด้อยคุณภาพเข้าสู่ประเทศ โดยจัดทำความร่วมมือระหว่างไทย-กัมพูชา ในการยกระดับมาตรฐานมันเส้นที่นำเข้าให้เป็นที่ยอมรับร่วมกัน ซึ่งฝ่ายกัมพูชาแสดงท่าทีตอบรับ และเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากจะช่วยผลักดันราคามันสำปะหลังในภูมิภาคให้สูงขึ้น ตลอดจนเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2560 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. …. โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกเป็นประกาศกระทรวงพาณิชย์ เพื่อบังคับใช้ต่อไป รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพภาคที่ 1กองทัพภาคที่ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดที่ติดกับชายแดนกัมพูชาและสปป.ลาว ในการกำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นขอให้พี่น้องชาวเกษตรกร เชื่อมั่นได้ว่าจะจำหน่ายผลผลิตมันสำปะหลังได้ในราคาที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่กำลังสดใสอยู่ในขณะนี้

สำหรับโครงการสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังให้วิสาหกิจชุมชน จำนวน 500 เครื่อง กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ขายได้ราคาดีจากการทำมันเส้นสะอาด โดยขอความร่วมมือทางจังหวัด คัดเลือกจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ผลิตมันสำปะหลังและจดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการให้บริการแก่สมาชิก ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ และสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569

ทั้งนี้ ช่วงเดือน ม.ค.- ก.ย. 2560 ไทยส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ฯ ปริมาณรวม 8.117 ล้านตัน มูลค่า 68.782 พันล้านบาท โดยมีการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน ปริมาณ 2.530 ล้านตัน มูลค่า 11.375 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2559 เล็กน้อย

ที่มา : ข่าวสด 25 พฤศจิกายน 2560






Powered by Allweb Technology.