Company Logo





พยากรณ์อากาศ

ส่งออกมันสำปะหลัง 4 เดือนพุ่ง 3.96 ล้านตัน เพิ่ม 50% ส่งผลดีราคาในประเทศขยับตาม

 

กรมการค้าต่างประเทศเผยส่งออกมันสำปะหลัง 4 เดือนปี 64 พุ่ง 3.96 ล้านตัน เพิ่ม 50% มูลค่า 1,424 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 49% ส่งผลดีดันราคาในประเทศขยับตาม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.40 บาท ชี้เป็นผลดีจากมาตรการคุมเข้มคุณภาพ มาตรฐาน ทั้งการนำเข้าและการส่งออก ทำให้ผู้ซื้อเชื่อมั่น  
         
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในช่วง 4 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-เม.ย.) มีปริมาณสูงถึง 3.96 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 50% มูลค่า 1,424 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 49% ซึ่งเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและราคา ส่งผลให้ราคาหัวมันสำปะหลังสดในประเทศ ฤดูกาลผลิตปี 2563/64 มีเสถียรภาพ โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ย 2.40 บาท/กิโลกรัม (กก.) เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจมาก
         
ทั้งนี้ การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อมีความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานดีกว่าคู่แข่ง ทั้งเวียดนาม กัมพูชา และสปป.ลาว จึงมีการซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กรมฯ ได้จัดส่งชุดตรวจสอบเคลื่อนที่ ลงพื้นที่ตามแนวชายแดนที่เป็นจุดนำเข้ามันเส้น เช่น สระแก้ว สุรินทร์ จันทบุรี และอุบลราชธานี เพื่อกำกับดูแลการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และยังได้ส่งชุดตรวจสอบ ออกตรวจสอบโกดังที่เก็บมันเส้นเพื่อส่งออก เช่น อยุธยา ฉะเชิงเทรา และชลบุรี เพื่อกำกับดูแลคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

“การเข้มงวด ทั้งการกำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังที่ไม่มีคุณภาพ การกำกับดูแลการส่งออกให้เป็นไปตามมาตรฐาน เป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้กำชับให้กรมฯ ดูแลอย่างเข้มงวด ทำให้ส่งผลดีต่อการส่งออก เพราะผู้ซื้อมีความเชื่อมั่น และยังส่งผลดี ทำให้ราคาในประเทศสูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ที่สำคัญ ยังช่วยลดภาระงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังลงมาด้วย”นายกีรติกล่าว
         
อย่างไรก็ตาม ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่เริ่มระบาดในช่วงเดือนเม.ย.2564 ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของชุดตรวจสอบ ซึ่งแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันของแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด โดยกรมฯ จะเดินหน้าตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพราคาหัวมันสำปะหลังสดในประเทศ เนื่องจากปัจจุบัน เป็นช่วงปลายฤดูกาลผลิตมันสำปะหลัง ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่ออกสู่ตลาดเกือบหมดแล้ว

 

ที่มา : commercenewsagency.com 

ครม.ทุ่มงบ 1.3 พันล้านบาทแก้ปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลังทุกพื้นที่

ครม.ทุ่มงบ 1.3 พันล้านบาทแก้ปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลังทุกพื้นที่



ครม.ทุ่มงบ 1.3 พันล้านบาทแก้ปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลังทุกพื้นที่
ครม.อนุมัติ 1.3 พันล้าน เพิ่มประสิทธิภาพกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลังทุกพื้นที่ กรณีทำลายต้นมันสำปะที่เป็นโรคจ่ายชดเชยไร่ละ 2,160 บาท สนับสนุนท่อนพันธุ์ 500 ลำต่อไร่

25 พฤษภาคม 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ วงเงิน 1,329.22 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โครงการนี้ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายครอบคลุมพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทุกจังหวัด มีระยะเวลาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 - กันยายน 2564 โดยดำเนินการผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น

1.กำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคใบด่างและจ่ายค่าทำลายต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคในอัตราไร่ละ 2,160 บาท

2.ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พันธุ์มันสำปะหลังสะอาดและทนทานโรคใบด่าง โดยการสนับสนุนท่อนพันธุ์ 500 ลำต่อไร่

3.ใช้มาตรการทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 ในกรณีเกษตรกรไม่ยินยอมให้ทำลายต้นมันสำปะหลังที่ติดโรค เพื่อกำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคในทุกพื้นที่และตัดวงจรการระบาดของโรค

ในส่วนของงบประมาณโครงการจำนวน 1,329.22 ล้านบาท ให้กรมส่งเสริมการเกษตรเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 1,264.20 ล้านบาท แบ่งเป็น

1.ค่าชดเชยการทำลายต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรค (2,160 บาท/ไร่) จำนวน 864 ล้านบาท

2.ค่าส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ที่ทนทานจำนวน 400 ล้านบาท

3.ค่าธรรมเนียมการโอนเงินของ ธ.ก.ส. (5 บาท/ราย) จำนวน 200,000 บาท

ส่วนงบดำเนินงาน จำนวน 65.02 ล้านบาท เป็นค่าบริหารจัดการโครงการ เช่น การสำรวจต้นมันสำปะหลังเป็นโรค การสร้างการรับรู้โครงการ เป็นต้น ให้ปรับจากแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของกรมส่งเสริมการเกษตรกร

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการบังคับใช้ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 ควบคู่กับการดำเนินโครงการ เช่น กำหนดให้ท้องที่เป็นเขตควบคุมศัตรูพืช กำหนดสถานตรวจพืชเฉพาะถิ่นขึ้น ห้ามมิให้บุคคลใดนำพืช ศัตรูพืช พาหะ ออกไปนอกหรือนำเข้ามาในเขตควบคุมศัตรูพืช รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอน วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายเงินให้ถูกต้องครบถ้วน ก่อนขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ
ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/normal_news/481350

​“พาณิชย์”แจ้งผู้ส่งออก รีบซื้อมัน หลังเข้าสู่ช่วงปลายฤดู รองรับดีมานด์ที่เข้ามาต่อเนื่อง

กรมการค้าต่างประเทศย้ำผู้ผลิต ผู้ส่งออก รีบซื้อมันสำปะหลัง เพื่อรองรับความต้องการจากตลาดต่างประเทศที่ยังเพิ่มสูงขึ้น เหตุเข้าสู่ช่วงปลายฤดู ป้องกันมีของไม่พอขาย เผยตลาดจีนยังต้องการต่อเนื่อง รวมถึงตลาดใหม่ ทั้งตุรกี นิวซีแลนด์ และอินเดีย พร้อมแนะเกษตรกร สำรองท่อนพันธุ์คุณภาพดี ปราศจากโรคใบด่าง ให้เพียงพอสำหรับปีการผลิต 64/65

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลผลิตมันสำปะหลังปี 2563/64 กว่า 80% ได้ออกสู่ตลาดเรียบร้อยแล้ว คงเหลือผลผลิตอีก 20% ที่จะทยอยออกสู่ตลาดในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย.2564 ถือว่าอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยเข้าสู่ช่วงท้ายของฤดูเก็บเกี่ยวในปีนี้แล้ว ขอให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก รีบซื้อมันสำปะหลัง เพื่อสำรองไว้รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพราะยังมีความต้องการมันเส้นและแป้งมันจากตลาดต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กรมฯ ได้ร่วมมือกับสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการค้ามันสำปะหลังและทูตพาณิชย์ในการหาตลาดส่งออกให้กับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง

“ขณะนี้ มีความต้องการมันสำปะหลัง เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบหลากหลาย ทั้งในอุตสาหกรรมอาหาร อาหารสัตว์ สารให้ความหวาน กรดซิตริก โดยเฉพาะในตลาดจีน ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังมีโอกาสในการขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ที่กรมฯ ได้ไปส่งเสริมไว้ เช่น ตุรกี นิวซีแลนด์ และอินเดีย เป็นต้น จึงเป็นโอกาสของผู้ส่งออกไทย ที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้เพิ่มขึ้น”

ทั้งนี้ คาดว่าผู้ผลิตแอลกอฮอล์จากมันสำปะหลังของจีน จะยังมีความต้องการซื้อมันสำปะหลังไทยในปริมาณมาก เนื่องจากราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจีนที่เป็นธัญพืชทดแทนมันสำปะหลังยังคงอยู่ในระดับที่สูง โดยราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของมณฑลซานตง ณ วันที่ 31 มี.ค.2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 2,960 หยวนต่อตัน ปรับตัวลดลง 5.4% จากเดือนก่อนที่มีราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 3,130 หยวนต่อตัน แต่ก็ยังถือว่าทรงตัวในระดับสูง ทำให้มีความต้องการมันสำปะหลัง เพื่อไปใช้ทดแทน

สำหรับความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในตลาดโลกที่สูงขึ้น ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 2 เดือน ของปี 2564 (ม.ค.-ก.พ.) มีปริมาณ 1.971 ล้านตัน มูลค่า 683.72 ล้านเหรียญสหรัฐ ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้น 50.29% และ 48.36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกปริมาณ 1.312 ล้านตัน มูลค่า 460.86 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดส่งออกสินค้ามันเส้นที่สำคัญ คือ จีน สัดส่วน 99% มีภาษีนำเข้า 0% ตั้งแต่ปี 2549 ภายใต้ FTA อาเซียน-จีน

นายกีรติกล่าวว่า สถานการณ์ราคามันสำปะหลัง ถือว่าอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ ทั้งราคาหัวมันสด และราคาส่งออก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กรมฯ ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ออกไปกำกับดูแลมาตรฐานสินค้ามันสำปะหลังที่นำเข้าส่งออก ณ ด่านศุลกากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประเทศผู้ซื้อ ใช้ประเด็นเรื่องคุณภาพมาตรฐาน มากดราคาส่งออกมันสำปะหลังของไทย และกระทบต่อราคาหัวมันสดในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยราคามันสำปะหลังทั้งระบบมีเสถียรภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้เป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว กรมฯ ขอแนะนำให้เกษตรกรมันสำปะหลังเตรียมท่อนพันธุ์มันสำปะหลังคุณภาพดีและปราศจากโรคใบด่างให้เพียงพอกับปริมาณความต้องการมันสำปะหลังที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในปีการผลิต 2564/65 และขอให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันแปรรูปหัวมันสำปะหลังเป็นมันเส้น เพื่อเก็บไว้จำหน่ายในช่วงราคาที่เหมาะสม ซึ่งช่วยดูดซับอุปทานส่วนเกินในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ลดปัญหาการกดราคารับซื้อ เพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกรในการจำหน่ายผลผลิต

 

ที่มา : www.commercenewsagency.com

“พาณิชย์”เคาะจ่ายส่วนต่างประกันรายได้มันสำปะหลัง งวดที่ 4 ชดเชยกิโลละ 20 สตางค์

 

 

“พาณิชย์”เคาะจ่ายส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง งวดที่ 4 ได้รับชดเชยกิโลกรัมละ 20 สตางค์ จ่ายให้กับเกษตรกรที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่ 1-28 ก.พ.64

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง เปิดเผยว่า วันที่ 23 ก.พ.2564 ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบการกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2563/64 งวดที่ 4 โดยจะชดเชยส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรและระบุวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2563 และระบุวันคาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 1-28 ก.พ.2564 ในราคากิโลกรัม (กก.) ละ 0.20 บาท ซึ่งเป็นส่วนต่างจากราคาเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 2.50 บาทต่อกก. โดยราคาตลาดหัวมันสำปะหลังสดเชื้อแป้ง 25% ขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่กก.ละ 2.30 บาท

 

สำหรับราคาตลาดเพื่อใช้ในการคำนวณส่วนต่าง ได้นำราคาที่ซื้อขายจริงในตลาดจาก 5 แหล่งผลิต ได้แก่ กรมการค้าภายใน ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ในแหล่งผลิตสำคัญ 14 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา กำแพงเพชร ชัยภูมิ กาญจนบุรี อุบลราชธานี สระแก้ว นครสวรรค์ เลย กาฬสินธุ์ อุดรธานี บุรีรัมย์ ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา ลพบุรี ,ราคาสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย จาก 14 จังหวัด , ราคาสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย ใน 10 เขตพื้นที่จำนวน 29 จังหวัด , ราคาสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และราคาสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยนำมาถ่วงน้ำมันในอัตรา 25% , 25% , 25% , 10% และ 15% ตามลำดับ
         
ทั้งนี้ การจ่ายเงินส่วนต่างจะจ่ายทุกวันที่ 1 ของเดือน เป็นเวลา 12 เดือน โดยได้จ่ายงวดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา ที่กก.ละ 0.26 บาท งวดที่ 2 กก.ละ 0.20 บาท งวดที่ 3 กก.ละ 00.28 บาท ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง โดยเกษตรกร 1 ครัวเรือน จะใช้สิทธิได้ 1 ครั้ง
         
โดยการคำนวณผลผลิตที่จะได้รับการชดเชย ได้ใช้ปริมาณผลผลิตต่อไร่ย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2560/61 ปี 2561/62 และปี 2562/63) ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เท่ากับ 3,419 กก./ไร่ คูณด้วยจำนวนไร่ตามที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน และในงวดที่ 4 นี้ เกษตรกรจะได้รับชดเชยสูงสุดอยู่ที่ 20,000 บาท

พาณิชย์ชี้ราคามันฯดีขึ้นแนะผู้ส่งออกเก็บสต็อกรับความต้องการหลังตรุษจีน

 

 

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา เกิดปัญหาราคามันสำปะหลังในประเทศตกต่ำ เนื่องจากภาคเอกชนขายตัดราคาส่งออกกันเอง ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน และพาณิชย์จังหวัดที่เกี่ยวข้องเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายในกำกับดูแล

นอกจากนี้ ขอให้กรมการค้าต่างประเทศ ประสานสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้กลไกของภาคเอกชนในการกำกับดูแลสมาชิกสมาคมเพื่อแก้ปัญหาการขายตัดราคาส่งออก ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพราคามันสำปะหลังทั้งระบบ

นายกีรติ กล่าวว่า ปัจจุบัน 3 สมาคมการค้ามันสำปะหลัง ได้ประกาศราคาแนะนำแล้ว 4 ครั้ง ส่งผลให้ราคารับซื้อมันสำปะหลังในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคารับซื้อหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% เฉลี่ยอยู่ในช่วง 2.40-2.55 บาท/ก.ก. โดยในช่วงที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าปัญหาการขายตัดราคาส่งออกจะหมดไป และผู้ที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งเกษตรกร ลานมัน และผู้ส่งออกจะได้รับราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับกลไกตลาดโลก

นอกจากนี้ กรมฯ ได้เข้มงวดการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยพักทะเบียนผู้นำเข้ามันสำปะหลังที่ตรวจสอบแล้วพบว่าสินค้ามันสำปะหลังที่นำเข้าไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน มีความชื้นและสิ่งเจือปนสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด 3 ราย และพักการใช้งานระบบนำเข้ามันสำปะหลัง 10 ราย เนื่องจากผู้นำเข้าแจ้งข้อมูลไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมาตรการดังกล่าวสามารถแก้ปัญหาการนำเข้ามันสำปะหลังที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานและราคาต่ำได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังในประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี คาดว่าประเทศจีนจะมีความต้องการซื้อสินค้ามันเส้นเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน เนื่องจากราคาข้าวโพดจีนยังอยู่ในระดับสูงและอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา ผลผลิตมันสำปะหลังของไทยได้ออกสู่ตลาดไปเป็นจำนวนมากแล้ว จึงขอแนะนำผู้ส่งออกให้เร่งเก็บสต็อกมันเส้นรองรับความต้องการซื้อของจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ในปี 2563 ไทยส่งออกสินค้ามันสำปะหลังรวม 7.119 ล้านตัน มูลค่า 2,672 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้น 7.90% และ 2.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกรวม 6.598 ล้านตัน มูลค่า 2,603 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตลาดส่งออกสินค้ามันเส้นที่สำคัญคือ จีนที่มีภาษีนำเข้าเป็น 0% ตั้งแต่ปี 2549 ภายใต้ FTA ASEAN-China โดยจีนนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาข้าวโพดจีนซึ่งเป็นสินค้าทดแทนมันสำปะหลังที่สำคัญได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์






Powered by Allweb Technology.