
“พาณิชย์”พักขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 6 ราย หลังพบไม่ผ่านเกณฑ์
กรมการค้าต่างประเทศเอาจริง พักการขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 6 ราย หลังตรวจสอบพบไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เผยเป็นการป้องกันการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ไม่ได้มาตรฐาน และป้องกันผลกระทบต่อราคาในประเทศ
นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เดือนธ.ค.2564 กรมฯ ได้พักการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่คุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด 6 ราย หลังจากได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ตรวจสอบการนำเข้า ณ ด่านศุลกากรอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดมันสำปะหลังความชื้นไม่เกินร้อยละ 14 ปริมาณดินทรายที่ดินกับหัวมันสำปะหลังไม่เกินร้อยละ 3 หากพบว่าการนำเข้าไม่ได้คุณภาพตามที่กำหนด จะดำเนินการพักการขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทันที ซึ่งผู้นำเข้าต้องไปปรับปรุงคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานที่กำหนดจึงจะสามารถนำเข้าต่อไปได้
“มาตรการดังกล่าวช่วยให้ได้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทย อีกทั้งไม่กระทบต่อราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในประเทศ และทำให้ราคามีเสถียรภาพ เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาด ช่วงเดือนธ.ค.2564-มี.ค.2565 ซึ่งกรมฯ จะมีการติดตามสถานการณ์การนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิดต่อไป”
ทั้งนี้ ราคาหัวมันสดปัจจุบันเฉลี่ย 2.55 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.43 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในช่วง 10 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ต.ค.) มีปริมาณ 8.52 ล้านตัน มูลค่า 3,217.24 ล้านเหรียญสหรัฐ ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.19 และ 46.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกปริมาณรวม 5.95 ล้านตัน มูลค่า 2,194.97 ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม หากพบเบาะแสผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน สามารถแจ้งสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ โทร 1385
ที่มา : www.commercenewsagency.com
เกษตรกรเฮ! ครม.ไฟเขียวเดินหน้าประกันรายได้ปี 3 สินค้าข้าว-มัน-ข้าวโพด

'จุรินทร์' ประกาศ ดันยุทธศาสตร์มันสำปะหลังไทย ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก ที่มา : ไทยโพสต
‘จุรินทร์’ ประกาศ ยุทธศาสตร์มันสำปะหลัง 64-67 ให้ประเทศไทย เป็นผู้นำอันดับ 1 ของโลก ด้านการผลิตและการค้ามันคุณภาพต่อเนื่อง 24 ต.ค. 2564 – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และนายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ร่วมการประชุมหารือร่วมกับระหว่างหอการค้าจังหวัด สมาคม ท่องเที่ยวจังหวัด กลุ่มเครือข่ายภาคธุรกิจ (Biz club) จังหวัด นครราชสีมา และทีมเซลล์แมนจังหวัดนครราชสีมา และแถลงยุทธศาสตร์มันสำปะหลัง ปี 2564 -2567 และมอบ GI ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ โดยการประชุมมี นายจุรินทร์เป็นประธาน ที่โรงแรม เดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ อำเภอ ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่เวลา 15.00-17.00 น. นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมหารือระหว่างทีมท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ทีมเซลล์แมนจังหวัดนครราชสีมา และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสมาคมที่เกี่ยวกับมันสำปะหลัง โดยที่ประชุมมีมติ ประเด็นที่หนึ่ง ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า จะจับมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ จังหวัดนครราชสีมา และภาคเอกชน จัดงาน virtual inter trade fair นครชัยบุรินทร์ 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิบุรีรัมย์ และสุรินทร์ เพื่อส่งเสริมการค้าและเศรษฐกิจของ 4 จังหวัดเป็นการเฉพาะโดยกระทรวงพาณิชย์สั่งเป็นแม่งาน นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเด็นที่สอง จะร่วมกันจัดงาน mini expo ในวันที่ 15 ถึง 19 ธันวาคม 2564 เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าของจังหวัดนครราชสีมา ประเด็นที่สาม มอบหมายให้สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ประสานงานกับองค์การเภสัชกรรม ให้ผู้ประกอบการและเจ้าของโรงงานในจังหวัดนครราชสีมา ซื้อ ATK ในราคาชิ้นละ 40 บาท ขององค์การเภสัชกรรมจำนวน 200,000 ชิ้น เพื่อใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดในภาคการผลิตของจังหวัด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ประเด็นที่สี่ ตกลงร่วมกันจัดงานมันสำปะหลังโลก หรือ World Tapioca Conference ที่จังหวัดนครราชสีมา ช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า แต่ติดขัดในเรื่องของงบประมาณเพราะกรรมาธิการของสภาได้ตัดงบออก แต่กรมการค้าต่างประเทศรับที่จะไปดำเนินการประสานงานทุกวิถีทาง เพื่อให้จัดงานนี้ขึ้นมาให้ได้ต่อไป เพราะจังหวัดนครราชสีมาถือเป็นเมืองหลวงของมันสำปะหลังของประเทศ และเรามีประสบการณ์ในการจัดงานมันสำปะหลังโลกมาแล้ว ถึงไม่ควรปล่อยให้โควิดเป็นอุปสรรค หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุด้วยว่า ประเด็นที่ห้า ปัญหาข่าวที่ทางการจีนอาจกำหนดเงื่อนไข ให้ผู้ส่งออกแป้งมันสำปะหลังไทยต้องขึ้นทะเบียนก่อนในเดือนตุลาคมปีนี้จึงสามารถส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปยังประเทศจีนได้ ซึ่งข้อมูลยังขาดความชัดเจนแต่ข่าวที่ปรากฏ เบื้องต้นผู้ประกอบการส่งออกแป้งมันจะต้องไปจดทะเบียน เพื่อป้องกันปัญหาจึงให้กรมการค้าต่างประเทศนำรายชื่อผู้ส่งออกแป้งมันไทยที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 171 บริษัท โดยกรมฯจะยื่นขอขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตรไปพลางก่อน และให้ถือว่าภาคเอกชนได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนแล้วเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ในประเด็นที่หก สภาเกษตรเสนอให้สามารถหาท่อนพันธุ์คุณภาพจากแหล่งต่างๆทั่วประเทศเพื่อนำมาปลูกในฤดูการผลิตต่อไปได้ โดยมอบหมายท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตัวกลาง นัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถหาท่อนพันธุ์มาปลูกในฤดูกาลต่อไปได้ และในประเด็นที่เจ็ด มอบทะเบียน GI หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ ถือว่าจดทะเบียน GI เรียบร้อยแล้ว ให้กับทางจังหวัดนครราชสีมา “ประเด็นที่แปด เราได้มีมติโดยคณะกรรมการมันสำปะหลังแห่งชาติกำหนดยุทธศาสตร์มันสำปะหลังไทยและมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ โดยยุทธศาสตร์มันสำปะหลังไทย มีวิสัยทัศน์สำคัญ คือให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านการผลิตและการค้ามันสำปะหลังคุณภาพอันดับหนึ่งของโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมีอายุ 4 ปี 64-67 เป้าหมายสำคัญ คือ 1.สร้างมูลค่าการส่งออกให้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 3% ทุกปีต่อเนื่อง 2.จะดำเนินการให้ราคามันสำปะหลังของเกษตรกรในประเทศมีเสถียรภาพ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 3.จะดำเนินการให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงต้นพันธุ์ที่ต้านทานโรค เชื้อแป้งสูงและสามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ในปี 67 ไม่ต่ำกว่า 5 ตันต่อไร่” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า โดยมีมาตรการ 3 ด้านช่วยขับเคลื่อน 1.ด้านการผลิต 2.ด้านตลาดในประเทศ 3.ด้านตลาดต่างประเทศหรือการส่งออก 1.ด้านการผลิตประกอบด้วย 4 มาตรการ 1)การพัฒนาพันธุ์ เพื่อนำไปสู่พันธุ์ต้านทานโรคใบด่าง เชื้อแป้งสูงและผลผลิตต่อไร่สูง 2)ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ จากปัจจุบันประมาณ 3.6 ตันต่อไร่ เป็นไม่ต่ำกว่า 5 ตันต่อไร่ในปี 67 3)พัฒนาคุณภาพมันสำปะหลังไทยตามความต้องการของตลาดโดยใช้ “ตลาดนำการผลิต” 4)สร้างกลุ่มและรวมกลุ่ม เพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับประเทศผู้ซื้อ นายจุรินทร์ ระบุว่า 2.ด้านตลาดในประเทศ 1)จะรักษาสมดุลด้านเสถียรภาพของราคาสำหรับตลาดในประเทศ 2)ส่งเสริมการขายมันสำปะหลัง หรือผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังผ่านช่องทางตลาดที่มีความหลากหลาย 3)ส่งเสริมการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และ 3.ด้านตลาดต่างประเทศหรือการส่งออก 1)จะขยายตลาดการส่งออกมันสำปะหลังไทยไปหลากหลายประเทศมากขึ้น แทนที่จะพึ่งพาตลาดจีนเพียงอย่างเดียว 2)ส่งเสริมการส่งออกสินค้ามูลค่าเพิ่ม จากผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังด้วยการแปรรูปและใช้นวัตกรรมมากขึ้น 3)เพิ่มอำนาจต่อรองทางการค้า เช่น การรวมกลุ่มประเทศผู้ผลิต ผู้ส่งออกทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าด้วยกัน เพื่อเสริมอำนาจการต่อรองกับผู้ซื้อ เป็นต้น. ข่าวไทย
ที่มา : https://www.thaipost.net/news-update/10830/ 24 ตุลาคม 2564 เวลา 18:39 น.
“จุรินทร์”ประกาศยุทธศาสตร์มันปี 64-67 ดันไทยผู้นำการผลิตการค้าอันดับ 1 ของโลก
“จุรินทร์”ไฟเชียวงบกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร 2,500 ล้าน ดูแลสินค้าเกษตร 10 กลุ่มปี 65
“จุรินทร์”เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เคาะงบกองทุนช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 2,500 ล้านบาท สำหรับใช้ดูแลสินค้าเกษตร 10 กลุ่ม ในปีงบประมาณ 65 พร้อมกำหนด 5 มาตรการที่จะนำมาใช้ผลักดันราคา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ครั้งที่ 1/2564 (ครั้งที่ 250) ผ่านระบบ Zoom เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม
น.ส.รัชดากล่าวว่า นายจุรินทร์ได้ให้นโยบายการดูแลเกษตรกรภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องเป็นไปอย่างครอบคลุม เข้าถึงปัญหาอย่างรวดเร็ว และดูแลอย่างเป็นธรรม โดยในปีงบประมาณ 2565 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน 2,562 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือสินค้าเกษตร 10 กลุ่มสินค้า ได้แก่ ผลไม้ พืชหัว พืชผัก ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปศุสัตว์ ประมง กล้วยไม้
โดยการช่วยเหลือ จะดำเนินการผ่านมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ 1.เพิ่มช่องทางระบายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต 2.เสริมสภาพคล่องด้านเงินทุน ชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ยืม เพื่อใช้ในการรับซื้อผลผลิตจากการเกษตรกรเพื่อจำหน่ายหรือเก็บสต๊อกไว้รอจำหน่าย 3.สร้างการรับรู้เพื่อเพิ่มการบริโภค กระตุ้นการบริโภค 4.ผลักดันและบริหารจัดการส่งออก เพื่อลดอุปทานส่วนเกินในประเทศ 5.ส่งเสริมด้านปัจจัยการผลิตเพื่อพัฒนาคุณภาพปรับคุณภาพและด้านทุนการผลิต
ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดราคาเป้าหมายสินค้าเกษตรปี 2565 เพื่อกองทุนฯ จะได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
สำหรับผลการดำเนินการในปีงบประมาณ 2564 นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563-15 ก.ค.2564 กองทุนฯ ได้จัดสรรงบประมาณไปแล้ว 2,100 ล้านบาท ในการดูแลเกษตรกรในกลุ่มสินค้าผลไม้ ไข่ไก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน พืชหัว พริก ข้าวเหนียว ปศุสัตว์ ประมง เป็นการช่วยเหลือผ่านการเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าออกนอกแหล่งผลิต ผลักดันการส่งออก และชดเชยดอกเบี้ยเพื่อการชะลอการจำหน่ายโดยการเก็บสต๊อก
ที่มา : Commerce News Agency