Company Logo





พยากรณ์อากาศ

นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังฯ เปิดเบื้องลึก “สวัสดิ์ไพบูลย์” ปิดดีล เจาะตลาดใหม่ซาอุฯ ขายมันอัดเม็ด 2 หมื่นตัน ให้โรงงานอาหารสัตว์รายใหญ่

เจาะเบื้องลึกปิดดีล ขายมันอัดเม็ด ให้โรงงานอาหารสัตว์ซาอุฯ  2 หมื่นตัน

เจาะเบื้องลึกปิดดีล ขายมันอัดเม็ด ให้โรงงานอาหารสัตว์ซาอุฯ 2 หมื่นตัน

30 พ.ค. 2568 | 05:00 น.
 

“ปัญญา” นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังฯ เปิดเบื้องลึก “สวัสดิ์ไพบูลย์” ปิดดีล เจาะตลาดใหม่ซาอุฯ ขายมันอัดเม็ด 2 หมื่นตัน ให้โรงงานอาหารสัตว์รายใหญ่

นายปัญญา บุญบันดาลฤทธิ์ นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงผลสำเร็จการขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย ได้แก่ มันเส้น และมันอัดเม็ด หลังจากที่ได้ไปร่วมงานแสดงออกบูธในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ที่มีศักยภาพ ณ กรุงริยาด และเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 17–22 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้โรงงานอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในประเทศซาอุดีอาระเบียค่อนข้างเห็นความสำคัญ

ทางสมาคมจึงได้มีการพูดคุยกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งก็มองตรงกันว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะเปิดตลาดใหม่ จึงได้จัดโปรแกรมการส่งเสริมการขาย เพื่อส่งเสริมโอกาสให้กับผู้ประกอบการทั้ง 4 สมาคมมันฯ เข้าร่วมงานโดยมีนายนพดล คันธมาศ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะพาไปร่วมงานดังกล่าว

 

ในสมาคมเอง สมาชิกก็กระตือรือร้น ส่งทีมเข้าไปลุยจริงจัง เพราะในการคว้าดีลครั้งนี้นับว่าเป็นผลงานของสมาคมของเราที่เป็นจุดเริ่มต้น จากที่มีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นบริษัทส่งออกที่ต้องการขยายตลาดใหม่ ต้องการผลักดัน เพื่อมีตลาดเพิ่มเติมนอกเหนือจากประเทศจีนที่ส่งออก 99%

นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของสินค้ามันสำปะหลังไทยไปในตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ "มันอัดเม็ด" ซึ่งมีความต้องการปริมาณ 20,000 ตัน เป็นราคาระดับ 220 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่าเงินบาทไทยประมาณ 136 ล้านบาท คำนวณเป็นรับซื้อหัวมันสำปะหลัง สดเชื้อแป้ง 25% ราคาอยู่ที่  2.20 บาทต่อกิโลกรัม

 

ที่มา : https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/628794

​“พาณิชย์”แจ้งข่าวดี ซาอุฯ ซื้อมันไทยทดลองใช้เลี้ยงสัตว์ 2 หมื่นตัน มูลค่า 136 ล้าน

img

กรมการค้าต่างประเทศแจ้งข่าวดี ตลาดซาอุดิอาระเบียสนใจนำเข้ามันสำปะหลังไทย เพื่อนำไปใช้ในการเลี้ยงสัตว์ หลังส่งคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและภาคเอกชน และนักวิชาการ เดินทางไปขายถึงที่ พร้อมชี้แจงคุณค่าทางโภชนาการ ประโยชน์ของสูตรอาหารสัตว์ที่มีมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบจนโดนใจ สั่งซื้อไปทดลองทันทีกว่า 2 หมื่นตัน มูลค่า 136 ล้านบาท  
         
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายนพดล คันธมาศ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นำคณะผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน เดินทางไปขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ที่มีศักยภาพ ณ กรุงริยาด และเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 17–22 พ.ค.2568 ตามนโยบาย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้เร่งผลักดันขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลัง เพื่อยกระดับการค้าและพยุงราคามันสำปะหลังให้กับเกษตรกร และล่าสุดได้รับรายการว่าการเดินทางไปครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากตลาดซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดี สามารถเปิดตลาดมันสำปะหลังเข้าสู่อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ของซาอุดิอาระเบียได้สำเร็จ
         
ทั้งนี้ คณะได้รายงานว่า ได้มีการเข้าพบปะหารือกับผู้นำเข้าชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของซาอุดีอาระเบีย เพื่อแนะนำมันสำปะหลังของไทย เนื่องจากผู้ผลิตอาหารสัตว์ในซาอุดีอาระเบีย ไม่รู้จักและไม่คุ้นเคยกับการใช้มันสำปะหลังในสูตรอาหารสัตว์มาก่อน โดยในการเดินทางไป กรมได้เชิญผู้แทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการนำมันสำปะหลังไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์เข้าร่วมคณะเดินทางในครั้งนี้ด้วย และได้อธิบายถึงคุณค่าทางโภชนาการของสินค้ามันสำปะหลังไทย และประโยชน์ของสูตรอาหารสัตว์ที่มีมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ

ส่งผลให้หลายบริษัท ได้แก่ บริษัท Al Sanabel Al Zahabiya Industrial ผู้ผลิตอาหารสัตว์ปีกและสัตว์เคี้ยวเอื้องรายสำคัญ บริษัท Arabian Agricultural Services Company (ARASCO) ผู้ค้าอาหารสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งมีการผลิตและพัฒนาอาหารสัตว์หลายประเภท และ บริษัท United Feeds ผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์รายสำคัญ ได้แสดงความสนใจในการนำเข้ามันสำปะหลังเพื่อทดลองใช้ในสูตรอาหารสัตว์ เบื้องต้นปริมาณกว่า 20,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 136 ล้านบาท โดยจะหารือเพิ่มเติมกับผู้ประกอบการไทยที่ร่วมเดินทางมาเยือนซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้เพื่อพิจารณาราคา วิธีการในการขนส่งและส่งมอบสินค้าโดยตรงต่อไป ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของสินค้ามันสำปะหลังไทยในตลาดตะวันออกกลาง

อย่างไรก็ตาม กรมจะติดตามผลการเจรจาซื้อขายในครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลให้เกิดการนำเข้าสินค้ามันสำปะหลังจากซาอุดีอาระเบียให้มากที่สุด เนื่องจากผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยมีชื่อเสียงด้านคุณภาพในระดับโลกมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่โดดเด่น จึงเป็นจุดแข็งที่ทำให้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบทดแทนธัญพืชอื่นในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ได้อย่างดีอีกด้วย

“ปริมาณการซื้อขายจากการดำเนินกิจกรรมที่ซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณอันดีที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของการดำเนินกิจกรรมตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์และพันธกิจของกรมที่มุ่งผลักดันผลผลิตสู่ตลาดเป้าหมาย และถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทยในการก้าวข้ามกรอบการค้าแบบเดิมและก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การเพิ่มช่องทางการส่งออกจะช่วยเพิ่มอำนาจในการต่อรองให้กับผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าโลก รวมทั้ง ช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการส่งออกไทยสามารถเชื่อมั่นได้ว่า ผลผลิตของตนจะมีตลาดที่มีศักยภาพสูงรองรับ ซึ่งส่งผลดีกับรายได้ที่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจะได้รับต่อไป”นางอารดากล่าว

ที่มา : https://www.commercenewsagency.com/news/7930

“พาณิชย์”นำทัพเอกชน นักวิชาการ บุกขายมันสำปะหลังตลาดซาอุดิอาระเบีย

img

กรมการค้าต่างประเทศนำคณะผู้ส่งออก นักวิชาการ บุกตลาดซาอุดิอาระเบีย หาลู่ทางขยายการส่งออกมันสำปะหลัง เตรียมเข้าพบผู้นำเข้า 2 เมืองสำคัญ กรุงริยาดและเมืองเจดดาห์ ผลักดันซื้อมันไปผลิตอาหารสัตว์ เพื่อระบายผลผลิตรองรับฤดูกาลใหม่

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมมีกำหนดจัดคณะผู้ส่งออกมันสำปะหลังที่มีศักยภาพ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งมีองค์ความรู้ในการนำมันสำปะหลังไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ และคณะสื่อมวลชน ไปร่วมเจรจาเปิดตลาดอาหารสัตว์ ณ กรุงริยาด และเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 17-22 พ.ค. 2568 ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่มีโอกาสของสินค้ามันสำปะหลังไทย เนื่องจากมีอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น ปศุสัตว์และประมง รวมทั้งรัฐบาลซาอุดีอาระเบียมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้มีศักยภาพในการรองรับธัญพืชต่าง ๆ จำนวนมากเพื่อนำไปผลิตเป็นอาหารสัตว์เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกำหนดการเดินทาง คณะจะไปหารือกับผู้นำเข้ารายใหญ่สำคัญในสองเมือง ได้แก่ กรุงริยาด โดยเป็นการเจรจาเพื่อหารือถึงโอกาสในการทำการค้าระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทยกับผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ที่มีศักยภาพของซาอุดีอาระเบีย เช่น บริษัท Arabian Agricultural Services Company (ARASCO) และ Al Sanabel Group, Al Zahabiya Industrial ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์ และเนื้อสัตว์รายสำคัญของประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่มีบทบาทสำคัญด้านความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ

ส่วนเมืองเจดดาห์ ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของซาอุดีอาระเบีย จะเป็นการประชุมเจรจาขยายตลาดกับผู้นำเข้าและผลิตอาหารสัตว์รายสำคัญของซาอุดีอาระเบีย เช่น บริษัท Fekieh Feed บริษัท United Feed และ Salem Al Saiary Est. ซึ่งผู้ประกอบการข้างต้น เป็นผู้ค้ารายใหม่ที่ไม่เคยใช้มันสำปะหลังมาก่อน จึงถือเป็นการเปิดตลาดซาอุดีอาระเบียเพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทย และเป็นการกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาตลาดส่งออกเพียงตลาดเดียว

นอกจากนี้ กรมจะใช้โอกาสนี้ในการเชิญผู้นำเข้าที่มีศักยภาพจากซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลกปี 2568 (World Tapioca Conference 2025: WTC 2025) ที่จะจัดในเดือนก.ค.2568 เพื่อแสดงศักยภาพของไทยในฐานะผู้ผลิตมันสำปะหลังรายใหญ่ และผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับหนึ่งของโลก รวมทั้งเป็นเวทีให้ผู้ซื้อผู้ขายทั่วโลกได้มีการเจรจาซื้อขายและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยภายในงานจะมีการทำความตกลงซื้อขายสินค้ามันสำปะหลังเพื่อหาตลาดล่วงหน้าและผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

การเดินทางไปขยายตลาดดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามนโยบายน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการเร่งส่งเสริมสินค้าเกษตรไทยไปยังตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างความต้องการล่วงหน้าในตลาด ก่อนเข้าสู่ฤดูการผลิตมันสำปะหลังปี 2568/69 ซึ่งจะช่วยยกระดับราคามันสำปะหลังของเกษตรกรภายในประเทศได้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.commercenewsagency.com/news/7902

 

"เลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้ได้ผลผลิตตามมาตรฐาน"

"เลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้ได้ผลผลิตตามมาตรฐาน"

 

การคัดเลือกท่อนพันธุ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพ จะเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่คุณภาพและปริมาณผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นได้ จึงแนะนำให้เกษตรกรคัดเลือกท่อนพันธุ์มันสำปะหลังให้ได้คุณภาพก่อนลงปลูก เพื่อให้การเพาะปลูกประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้น
????เลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้ผลผลิตปังตามมาตรฐาน
คลิกอ่าน : https://esc.doae.go.th/เลือกพันธุ์มันสำปะหลัง/
????พันธุ์มันสำปะหลัง ทนทานต่อโรคใบด่างมันสำปะหลัง
คลิกอ่าน : https://esc.doae.go.th/พันธุ์มันสำปะหลัง/
????7 แหล่งมันสำปะหลังพันธุ์ดี
คลิกอ่าน : https://esc.doae.go.th/91-7แหล่งมันสำปะหลังพันธุ/

ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร

ชาวไร่มันเฮ! ”พิชัย“ จับมือผู้นำเข้ายักษ์ใหญ่จีนสั่งซื้อมันสำปะหลังไทย กว่า 9.8 แสนตัน ร่วม 8,000 ล้านบาท ดูดซับหัวมันสด 3 ล้านตัน ดึงราคามันทั้งระบบ

 
 
 
 
วันที่ 16 มกราคม 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาการซื้อขาย (Purchasing Order) และบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการไทย และบริษัท COFCO BIOTECHNOLOGY CO.,LTD หน่วยงานนำเข้ายักษ์ใหญ่การค้าสินค้าเกษตรแดนมังกร ซึ่งจัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายเจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาแห่งสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยและภาคเอกชน เข้าร่วมงาน ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูดซับผลผลิตมันสำปะหลังในประเทศ ส่งสัญญาณบวกให้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังทั้งระบบและดึงราคามันสำปะหลังของเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังให้สูงขึ้น
.
นายพิชัย กล่าวว่า ปีที่แล้วมันสำปะหลังราคาดีมากมีการซื้อตั้งแต่ต้นฤดูกาล ปีนี้ราคาไม่ค่อยดีกระทรวงพาณิชย์ได้พยายามแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ได้มีการติดต่อกับสถานทูตจีนมาโดยตลอด ซึ่งตนและผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย(นายหาน จื้อเฉียง) มาช่วยแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบ จนมาถึงวันนี้มีการเริ่มต้นซื้อมันสำปะหลัง เชื่อว่าจะทำให้ราคามันสำปะหลังของไทยพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งเป้าเบื้องต้นที่ 2.5 บาท/กก. และอยากให้ถึง 3 บาท/กก.ในอนาคต และจะร่วมมือกับสถานทูตจีนต่อไปในเรื่องการส่งออกโค ข้าว และทุเรียน เพื่อให้การค้าของไทยราบรื่น
.
ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ให้ความสำคัญกับเกษตรกรไทยอย่างยิ่ง ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งผลักดันขยายตลาดการส่งออกสินค้าเกษตร เพื่อกระตุ้นความต้องการสินค้ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในต่างประเทศ อันจะส่งผลต่อการยกระดับราคาสินค้ามันสำปะหลังให้สูงขึ้น เพิ่มรายได้และช่วยให้ความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยดียิ่งขึ้น
.
โดยการลงนามสัญญาซื้อขายและ MOU ระหว่างบริษัท COFCO BIOTECHNOLOGY CO.,LTD และผู้ประกอบการไทยในครั้งนี้ที่มีมูลค่า ถึง 3,489 ล้านบาท ปริมาณ 540,000 ตัน คิดเป็นปริมาณหัวมันสดถึง 1.28 ล้านตัน และก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้จัดคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเดินทางจัดกิจกรรมปลุกตลาดการค้ามันสำปะหลังในจีน ณ นครเซี่ยงไฮ้ และนครเฉิงตู เมื่อวันที่ 6-8 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอยากสูงมีการลงนาม MOU ซื้อขายสินค้ามันปะหลังไปแล้วมูลค่าร่วม 5,314.95 ล้านบาท ปริมาณถึง 440,000 ตัน คิดเป็นปริมาณหัวมันสดกว่า 1.68 ล้านตัน และเมื่อรวมกันทำให้สามารถสร้างความต้องการซื้อมันสำปะหลังไทยได้ถึง 980,000 ตัน มูลค่าร่วม 8,083 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถดูดซับหัวมันสดในประเทศได้กว่า 2.96 ล้านตัน หรือเกือบ 3 ล้านตัน
.
การลงนามซื้อขายมันสำปะหลังกับจีนครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านราคาและตลาดให้แก่เกษตรกรและผู้ส่งออกมันสำปะหลังของไทย ว่าผลผลิตของตนจะมีตลาดรองรับ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้เกษตรกรและการจัดพิธีลงนามดังกล่าวยังถือเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ ไทย - จีน ในวาระครบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2568 นี้อีกด้วย
.
ทางด้าน นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายสำคัญในการสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรของไทย เพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มมากขึ้น ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม ซึ่งผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรสำคัญของไทยที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยกว่า 700,000 ครัวเรือน สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศในแต่ละปีมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยในปี 2567 ที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกมันสำปะหลังไปยังประเทศจีน มีปริมาณมากกว่า 3.8 ล้านตัน มูลค่ากว่า 53,000 ล้านบาท ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น แอลกอฮอล์ อาหารคน อาหารสัตว์ กาว กระดาษและอื่นๆ ซึ่งตลาดจีนที่เป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่สุดของประเทศไทย จึงให้ความสำคัญในการขยายโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสัมปะหลังของไทยไปยังจีนเพิ่มมากขึ้น
 
 
 
ที่มา : https://www.facebook.com/dft2go





Powered by Allweb Technology.